• ใบอนุญาต 105 โดยทั่วไป หมายถึง ใบอนุญาตกำจัดขยะอันตราย ซึ่งออกโดยหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม
• ใบอนุญาต 106 อาจหมายถึง ใบอนุญาตจัดเก็บและขนส่งขยะอันตราย ซึ่งเป็นการอนุญาตให้โรงงานสามารถจัดเก็บ และขนส่งขยะอันตรายได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อ

2 ประเภท ได้แก่

• ฝังกลบ เป็นกระบวนการกำจัดขยะที่มีมาอย่างยาวนาน โดยขยะจะถูกนำไปฝังกลบในพื้นที่เฉพาะที่ออกแบบมาให้รองรับของเสีย
• เผาทำลาย กระบวนการกำจัดขยะโดยใช้ความร้อนสูง ทำให้ขยะกลายเป็นเถ้า (Ash) และก๊าซ ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเผาทำลายที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เตาเผาขยะที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้า (Waste-to-Energy: WtE)

ขออนุญาตนำของเสียออกนอกโรงงาน (กอ.1)

• ลงทะเบียน ในระบบ i-Industry ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
• ยื่นคำขอ ผ่านระบบ e-License พร้อมแนบเอกสารที่เกี่ยวข้อง
• รออนุมัติ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและอนุมัติการขนย้าย

แจ้งการจัดการของเสีย (กอ.2)

• ออกเอกสาร กอ.2 กรอกข้อมูลการขนส่ง
• ดำเนินการขนส่ง โดยผู้รับอนุญาต
• รายงานผล ผู้รับกำจัดยืนยันการดำเนินการ

หากคุณไม่อยากยุ่งยาก En-Tech เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ช่วยดูแลการดำเนินการคีย์ขออนุมัติ และเร่งติดตามติดตามผลอนุมัติจากกรมโรงงานให้

ทางบริษัท Support การคีย์ขออนุญาตเพื่อนำของเสียออกนอกโรงงาน (สก.2) จัดทำ กอ.1 พร้อมออกใบกำกับการขนส่ง Manifest ในวันขนส่ง และมีเอกสารยืนยันการทำลายภาพถ่ายหลังการทำลายแล้วอีกด้วย

• ออกหนังสือยืนยันการทำลายให้
• พาเข้าชมกระบวนการทำลายหน้าเตาเผาได้จริง
• มีภาพถ่าย และวีดีโอ

รถทุกคนมีใบอนุญาต วอ.8 เพื่อให้บริษัทหรือผู้ประกอบการสามารถขนส่งกากอุตสาหกรรมจากแหล่งกำเนิดไปยังสถานที่กำจัดหรือบำบัดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ใบอนุญาต วอ.8 คือ ใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งวัตถุอันตราย ตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย กำหนดให้ผู้ที่ขนส่งวัตถุอันตรายต้องมีใบอนุญาตนี้ เพื่อความปลอดภัยและเป็นไปตามกฎหมาย

ใครต้องขอใบอนุญาต วอ.8?

• บริษัทที่ขนส่งวัตถุอันตราย เช่น สารเคมี ขยะอุตสาหกรรม
• ผู้ให้บริการขนส่งวัตถุอันตราย

ขั้นตอนการขอใบอนุญาต

1. ยื่นคำขอ ที่กรมควบคุมมลพิษหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. แนบเอกสาร เช่น รายละเอียดบริษัท รถขนส่ง พนักงานขับรถ
3. ตรวจสอบและอนุมัติ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ

1. กากอุตสาหกรรมที่ติดไฟได้ (Flammable Waste)

• ของเหลวไวไฟ เช่น น้ำมันเบนซิน ตัวทำละลาย ทินเนอร์ แอลกอฮอล์
• ของแข็งติดไฟ เช่น ผ้าชุบน้ำมัน ขี้เลื่อยชุบสารเคมี
• ก๊าซไวไฟ เช่น อะเซทิลีน โพรเพน

2. กากอุตสาหกรรมที่มีฤทธิ์กัดกร่อน (Corrosive Waste)

• กรดแก่ เช่น กรดซัลฟูริก กรดไนตริก กรดไฮโดรคลอริก
• ด่างแก่ เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ (โซดาไฟ) โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์
• สารกัดกร่อนอื่น ๆ เช่น น้ำยาทำความสะอาดอุตสาหกรรมที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างสูง

3. กากอุตสาหกรรมที่ทำปฏิกิริยาได้ (Reactive Waste)

• สารเคมีที่ทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ เช่น โซเดียมเมทัล
• สารเคมีที่ไวต่อออกซิเจน เช่น แคลเซียมคาร์ไบด์
• สารที่ระเบิดได้ เช่น ไนโตรกลีเซอรีน เพอร์ออกไซด์บางชนิด

4. กากอุตสาหกรรมที่เป็นพิษ (Toxic Waste)

• โลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม โครเมียม
• สารอินทรีย์พิษ เช่น PCBs (Polychlorinated Biphenyls) ไดออกซิน
• สารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตราย เช่น DDT, Paraquat

5. กากอุตสาหกรรมที่เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogenic Waste)

• แร่ใยหิน (Asbestos)
• เบนซีน
• ฟอร์มาลดีไฮด์

6. กากอุตสาหกรรมที่เป็นของเสียติดเชื้อ (Infectious Waste)

• ของเสียทางการแพทย์ เช่น เข็มฉีดยา หน้ากากอนามัยใช้แล้ว
• ของเสียจากห้องปฏิบัติการ เช่น ตัวอย่างเลือด สารชีวภาพที่มีเชื้อโรค

7. กากอุตสาหกรรมที่มีสารกัมมันตรังสี (Radioactive Waste)

• ของเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
• ของเสียจากอุตสาหกรรมที่ใช้ไอโซโทป เช่น อุตสาหกรรมทางการแพทย์และการวิจัย

8. กากอุตสาหกรรมที่เป็นของเสียอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste)

• แผงวงจรเก่า
• แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตะกั่ว-กรด
• หลอดฟลูออเรสเซนต์ที่มีสารปรอท

ใบอนุญาต รง.4 คือ ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ตาม พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 สำหรับโรงงานประเภท 3 ที่มีขนาดตั้งแต่ 50 แรงม้าขึ้นไป หรือมีพนักงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ต้องได้รับอนุญาตก่อนดำเนินกิจการ

ใครต้องขอใบอนุญาต รง.4?

• โรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าข่ายประเภท 3
• ธุรกิจที่มีเครื่องจักรกำลังสูงหรือใช้แรงงานจำนวนมาก

ขั้นตอนการขอใบอนุญาต

1. ยื่นคำขอ ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
2. แนบเอกสาร เช่น ผังโรงงาน รายละเอียดเครื่องจักร แผนสิ่งแวดล้อม
3. ตรวจสอบและอนุมัติ โดยเจ้าหน้าที่