การจัดการกากอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทุกธุรกิจต้องใส่ใจ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผิดชอบต่อสังคม และในปัจจุบันที่สภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาใหญ่ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) จึงกลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการวัดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ของธุรกิจ โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต และ การจัดการกากอุตสาหกรรม
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจรับรู้ถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นตัวชี้วัดความรับผิดชอบที่สามารถนำไปสู่การพัฒนา และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน การจัดการกากอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดปริมาณของเสียที่ต้องกำจัด เพิ่มโอกาสในการรีไซเคิล และลดการใช้พลังงานและทรัพยากรที่มีค่า
การทำให้ธุรกิจมี คาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้ต่ำที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร และความเชื่อมั่นในการสนับสนุนธุรกิจมากยิ่งขึ้น
บริษัท เอ็น-เทคโนโลยี คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในด้านการจัดการกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ด้วยการวางแผน และหาเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ใน การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ มากกว่า 20 ปี ในของกระบวนการกำจัดกากอุตสาหกรรม ด้วยความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ คือ
ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การผลิต การบริโภค การขนส่ง และการกำจัดของเสีย
โดยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ต่ำ (Low Carbon Footprint) หมายถึง การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยที่สุด จากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และรักษาสิ่งแวดล้อม
ขั้นตอนในการคำนวณ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint)
- ระบุขั้นตอนในกระบวนการ กำจัดกากอุตสาหกรรม
- การรวบรวม และขนส่ง กากอุตสาหกรรม
- การบำบัด และ กำจัดกากอุตสาหกรรม
- การนำกากอุตสาหกรรม กลับมาใช้ใหม่ หรือ รีไซเคิล
- เก็บรวบรวมข้อมูลการใช้พลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละขั้นตอน
- การขนส่ง ข้อมูลการใช้เชื้อเพลิงในการขนส่งกากอุตสาหกรรม (เช่น ลิตรของน้ำมันดีเซล)
- การบำบัดและกำจัด ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าในการดำเนินงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์
- การรีไซเคิล ข้อมูลการใช้พลังงานในการดำเนินการรีไซเคิล
- แปลงข้อมูลการใช้พลังงานเป็นปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- ใช้ค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factors) ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
อัตราการรีไซเคิลของเสียในอุตสาหกรรม
ตารางที่ 1
อ้างอิงจาก (https://www.tgo.or.th/2023/index.php/th/)
ในการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการกำจัดของเสียที่เป็นวัสดุอื่นๆ หรือส่วนเหลือจากการนำไปรีไซเคิล ตามตารางที่ 1 ให้ใช้ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการกำจัดของเสียแบบฝังกลบ (Landfill) โดยใช้ข้อมูลจาก 2006 IPCC Guideline for National Greenhouse Gas Inventories-Volume 5 Waste ดังนี้
1.การคำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการกำจัดของเสีย
- ให้นำปริมาณของเสียแยกตามองค์ประกอบ แล้วคูณด้วยค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามประเภทของวัสดุในตารางที่ 2
2.กรณีของเสียที่เป็นวัสดุอื่นๆ ที่นอกเหนือจากตารางที่ 2
- หากวัสดุมีองค์ประกอบของคาร์บอน ให้ใช้ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 32 (CO2e ต่อตันมูลฝอย)
- หากวัสดุไม่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ ให้คิดค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่จะถูกปล่อยจากการฝังกลบ
ตารางที่ 2
อ้างอิงจาก (https://www.tgo.or.th/2023/index.php/th/)
ปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งของเสียไปกำจัด
การประเมินก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งของเสียไปกำจัด ณ แหล่งกำจัดสามารถทำได้โดยมีข้อมูลหลักสองประเภท คือ ปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้หรือระยะทางที่ใช้ในการขนส่ง หากมีข้อมูลปริมาณเชื้อเพลิงหรือระยะทางดังกล่าว สามารถคำนวณตามแนวทางการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางและขนส่งได้ แต่หากไม่มีข้อมูลดังกล่าว ควรทำการคำนวณโดยการตั้งสมมติฐานตามข้อมูลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งของเสีย
สมมติฐานดังนี้
- ระยะทางจากองค์กรไปยังสถานที่กำจัดของเสียของเมืองหรือจังหวัด ที่ขนไปกำจัดด้วยรถบรรทุกขยะ 10 ล้อ ขนาด 16 ตัน
- บรรทุกของเสียแบบน้ำหนักเต็ม และการขนส่งขากลับเป็นรถบรรทุกเปล่า
- ระยะทางในการขนส่งสมมติว่าเป็น 40 กิโลเมตร
ขั้นตอนการคำนวณ
- คำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเศษผ้า
- คำนวณการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งด้วยรถบรรทุกขยะ
- พิจารณาการใช้พลังงานในการขนส่งไปกลับ (บรรทุกของเสียขาไปและรถเปล่าขากลับ)
วิธีการคำนวณ
- กำหนดปริมาณปริมาณที่ต้องการกำจัด กับการใช้พลังงานต่อระยะทาง
- โดยทั่วไป รถบรรทุกขนาด 16 ตัน อาจใช้เชื้อเพลิงประมาณ 4 ลิตรต่อกิโลเมตรเมื่อบรรทุกเต็ม และ 0.3 ลิตรต่อกิโลเมตรเมื่อขนส่งรถเปล่า
- คำนวณปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการขนส่ง
- การขนส่งของเสียขาไป 40 กิโลเมตร x 0.4 ลิตร/กิโลเมตร = 16 ลิตร
- การขนส่งรถเปล่าขากลับ 40 กิโลเมตร x 0.3 ลิตร/กิโลเมตร = 12 ลิตร
- ปริมาณเชื้อเพลิงทั้งหมดที่ใช้ในการขนส่งไปกลับ = 16 + 12 = 28 ลิตร
- คำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้เชื้อเพลิง
- การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากเชื้อเพลิงดีเซลประมาณ 68 กิโลกรัม CO2 ต่อลิตรเชื้อเพลิง
- การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด = 28 ลิตร x 2.68 กิโลกรัม CO2/ลิตร = 04 กิโลกรัม CO2
ดังนั้น การขนส่งของเสียไปกำจัดที่ระยะทางสมมติ 40 กิโลเมตรไปกลับ จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 75.04 กิโลกรัม CO2
การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จากการจัดการกากอุตสาหกรรม
- การจัดการกากอุตสาหกรรมอันตราย หมายถึง กากอุตสาหกรรมอันตราย ที่ประกอบด้วยสารเคมีที่เป็นพิษ และวัสดุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของมนุษย์ การจัดการอย่างยั่งยืนสำหรับกากประเภทนี้ควรประกอบด้วย
- การประเมินและจำแนกประเภท การประเมินและจำแนกประเภทของกากอุตสาหกรรมเพื่อหาวิธีการจัดการที่เหมาะสมที่สุด
- การบำบัดและกำจัด การใช้เทคโนโลยีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการบำบัดและกำจัดกากอุตสาหกรรมอันตราย เช่น การใช้ระบบบำบัดด้วยสารเคมี การเผาในเตาเผาอุณหภูมิสูง (Incineration) หรือการบำบัดด้วยกระบวนการทางชีวภาพ
- การจัดการขนส่ง การใช้ยานพาหนะและอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อขนส่งกากอุตสาหกรรมอันตรายโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการรั่วไหลและการแพร่กระจายของสารอันตราย
- การจัดการกากตะกอน หมายถึง กากตะกอนเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ การจัดการอย่างยั่งยืนสำหรับกากตะกอนควรประกอบด้วย
- การแยกและรวบรวม การแยกกากตะกอนออกจากของเสียอื่น ๆ เพื่อทำให้การจัดการและนำกลับมาใช้ใหม่ง่ายขึ้น
- การบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ การใช้เทคโนโลยีการบำบัดกากตะกอน เช่น การบำบัดด้วยกระบวนการทางชีวภาพ การกรอง หรือการทำให้แห้ง เพื่อนำตะกอนที่บำบัดแล้วกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต หรือใช้เป็นปุ๋ยหรือวัสดุก่อสร้าง
- การรีไซเคิลและการผลิตพลังงาน การนำกากตะกอนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมารีไซเคิล หรือใช้ในการผลิตพลังงาน เช่น การผลิตก๊าซชีวภาพ (Biogas) หรือการเผาไหม้เพื่อผลิตไฟฟ้า
- การจัดการสินค้าเสื่อมสภาพ หมายถึง สินค้าเสื่อมสภาพหมายถึงสินค้าที่หมดอายุการใช้งานหรือไม่สามารถขายได้ การจัดการอย่างยั่งยืนสำหรับสินค้าประเภทนี้ควรประกอบด้วย
- การประเมินและแยกประเภท การประเมินสภาพและแยกประเภทของสินค้าที่เสื่อมสภาพ เพื่อหาวิธีการจัดการที่เหมาะสมที่สุด
- การรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ การนำวัสดุจากสินค้าเสื่อมสภาพมารีไซเคิลหรือใช้ซ้ำในกระบวนการผลิต เช่น การนำโลหะ พลาสติก หรือกระดาษมารีไซเคิล หรือการใช้ชิ้นส่วนที่ยังใช้งานได้ในผลิตภัณฑ์ใหม่
- การผลิตพลังงาน การนำสินค้าเสื่อมสภาพมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงาน เช่น การเผาไหม้ในเตาเผาที่มีการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การมีคาร์บอนฟุตพรินท์ต่ำไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ทำให้ผู้บริโภคและสังคมเห็นถึงความรับผิดชอบและความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน
ความสำคัญ การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
- ช่วยป้องกันภาวะโลกร้อน
ก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง การผลิตไฟฟ้า และการขนส่ง มีส่วนทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น การลดคาร์บอนฟุตพรินท์จึงช่วยลดภาวะโลกร้อน ทำให้โลกไม่ร้อนเกินไป ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของธรรมชาติและสภาพอากาศ
- รักษาสุขภาพของเรา
การลดคาร์บอนฟุตพรินท์ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และมะเร็งปอด อากาศที่บริสุทธิ์ขึ้นจะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ประหยัดพลังงานและทรัพยากร
การลดการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งฟอสซิล เช่น น้ำมันและถ่านหิน และหันมาใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม จะช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงาน
- ส่งเสริมเศรษฐกิจยั่งยืน
การลดคาร์บอนฟุตพรินท์เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ทำให้ผู้บริโภคและผู้ลงทุนมีความมั่นใจในธุรกิจมากขึ้น การทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังสามารถนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
- ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากล
หลายประเทศมีการออกกฎหมายและมาตรฐานเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินท์ แต่ยังช่วยหลีกเลี่ยงการถูกปรับและการถูกฟ้องร้องทางกฎหมาย
- เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของชุมชน
การลดคาร์บอนฟุตพรินท์ไม่เพียงแต่มีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนด้วย ชุมชนที่มีอากาศบริสุทธิ์และสิ่งแวดล้อมที่ดีจะมีความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- การร่วมมือและความรับผิดชอบต่อสังคม
การลดคาร์บอนฟุตพรินท์เป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและโลกใบนี้ ทุกคน ทุกองค์กร และทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนฟุตพรินท์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการใช้ทรัพยากร หรือการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การคำนวณคาร์บอนในการกำจัดกากอุตสาหกรรมช่วยอะไร?
- ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมา ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิตและการจัดการกากอุตสาหกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถนำไปสู่การลดต้นทุนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
- ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากล การคำนวณคาร์บอนช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ซึ่งหลีกเลี่ยงการถูกปรับและการฟ้องร้อง
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดี การแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ทำให้ผู้บริโภคและผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
- ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต
จากที่กล่าวมา
การจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหัวใจสำคัญในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ปกป้องสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมธุรกิจที่ยั่งยืน บริษัท เอ็น-เทคโนโลยี คอนซัลแตนท์ จำกัด นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มโอกาสในการรีไซเคิล การประเมินผลกระทบของการใช้พลังงานและการรีไซเคิลในแต่ละขั้นตอนช่วยให้ธุรกิจสามารถคำนวณและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้เสีย
บริษัท เอ็น-เทคโนโลยี คอนซัลแตนท์ จำกัด รองรับปัญหาของกากของเสียอุตสาหกรรมและมลพิษในองค์กรด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและทีมปฏิบัติการประมวลผลที่มีกระบวนการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพและตามระเบียบทาง กฎหมายสนใจสามารถ ติดต่อสอบถามได้
EN-TECH คือทางออกที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาในการจัดการอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร
รายชื่อจังหวัดที่เราให้บริการ บริษัทรับกําจัดขยะอุตสาหกรรม
สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท สระบุรี ชลบุรี ระยอง นทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว นครราชสีมา บุรีรัมย์สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ชัยภูมิ นครเจริญ ขอนแก่น อุดรธานีเลย หนองคาย มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ อุทัยธานี เพชรกำแพง ตาก สุโขทัย พิษณุโลกพิจิตร เพชรบูรณ์ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ระนอง ชุมพร สงขลาตู สลตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส