การจัดการสารเคมีในโรงงาน แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในปี 2025

การจัดการสารเคมีในโรงงาน

อุตสาหกรรมเคมีเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันก็มีศักยภาพในการก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หากไม่มีการบริหารจัดการที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กากอุตสาหกรรมเคมี” ซึ่งถือเป็นของเสียอันตราย (Hazardous Waste) ที่ต้องอาศัยกระบวนการกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

เมื่อเราพูดถึง “กากอุตสาหกรรม” หรือ “Industrial Waste” คำนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะเศษชิ้นส่วนหรือของที่เหลือใช้แล้ว แต่ยังรวมไปถึงของเหลว ก๊าซ หรือตะกอน (Sludge) ตลอดจนสารเคมีที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งหากทิ้งไว้โดยไม่ผ่านกระบวนการกำจัดที่ปลอดภัย อาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อทั้งสิ่งแวดล้อม สุขภาพของพนักงาน และประชาชนในชุมชนใกล้เคียง

ประเทศไทยมีกฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างเข้มงวด โดยหน่วยงานหลักอย่าง “กรมโรงงานอุตสาหกรรม” (Department of Industrial Works: DIW) ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม จะเป็นผู้ควบคุม ดูแล และกำกับให้โรงงานที่ก่อให้เกิดกากอุตสาหกรรมปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดประเภทของกาก การขนส่ง ตลอดจนการกำจัดนอกสถานที่

ความสำคัญของการกำจัดกากอุตสาหกรรมเคมีอย่างถูกต้อง

  1. ปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของบุคลากร
    กากอุตสาหกรรมเคมีจำนวนมากมีคุณสมบัติเป็นสารอันตราย เช่น สารกัดกร่อน (Corrosive) สารพิษ (Toxic) สารติดไฟง่าย (Flammable) ซึ่งหากมีการรั่วไหลหรือสัมผัสโดยตรง อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของพนักงานในโรงงานอย่างร้ายแรง เช่น ระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังไหม้ หรือเกิดการระคายเคืองต่อดวงตา ดังนั้น การจัดเก็บและกำจัดอย่างเหมาะสม จึงช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
  2. ป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    หากกากอุตสาหกรรมเคมีถูกทิ้งหรือถ่ายเทลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง หรือปนเปื้อนในดิน อาจทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมและกระทบต่อระบบนิเวศได้ อีกทั้งอาจสะสมเป็นสารพิษในสัตว์และพืช ส่งผลกระทบสู่ห่วงโซ่อาหารโดยตรง ซึ่งสร้างความเสียหายระยะยาว หากโรงงานไม่ปฏิบัติตามระเบียบการกำจัดกากอุตสาหกรรมและเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ย่อมส่งผลด้านกฎหมายและภาพลักษณ์ของกิจการด้วยเช่นกัน
  3. ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากล
    ปัจจุบันประเทศไทยและทั่วโลกมีมาตรการและกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น ในการจัดการ “ของเสียอันตราย” (Hazardous Waste) ซึ่งรวมถึงกากเคมี หากโรงงานไม่ทำตามกฎระเบียบที่กำหนด อาจถูกปรับ หรือสั่งปิดโรงงาน รวมถึงสร้างผลเสียต่อความเชื่อถือของคู่ค้าและลูกค้าด้วย
  4. ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development)
    การลดปริมาณกากของเสียและกำจัดอย่างถูกต้อง ช่วยสนับสนุนแนวคิดการผลิตแบบยั่งยืน (Sustainable Production) ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญระดับโลก ภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับการจัดการของเสียจะได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น และยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร

ข้อกฎหมายสำคัญที่ต้องทราบ

ในการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมเคมี โรงงานอุตสาหกรรมต้องปฏิบัติตามกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้องหลัก ๆ ดังนี้

  1. พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 (Factory Act B.E. 2535)
    กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การควบคุมและกำกับดูแลการปล่อยของเสีย มลพิษ และกากของเหลือใช้ พร้อมกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม
  2. กฎกระทรวงและประกาศของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
    • ประกาศหรือระเบียบว่าด้วยการขนส่งและกำจัดกากอุตสาหกรรม
    • ระเบียบเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม บำบัด และกำจัดกากอุตสาหกรรมในรูปแบบต่าง ๆ
    • ข้อกำหนดเรื่องการจัดทำ “Manifest” หรือ “เอกสารกำกับการขนย้ายกากอุตสาหกรรม”
    • ข้อกำหนดเกี่ยวกับบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ขนส่งกากอุตสาหกรรม และบริษัทรับกำจัดกากอุตสาหกรรม
  3. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 (Hazardous Substance Act B.E. 2535)
    ในบางกรณี สารเคมีที่เป็นกากอุตสาหกรรมอาจอยู่ในบัญชีวัตถุอันตราย ซึ่งต้องปฏิบัติตามเกณฑ์พิเศษเกี่ยวกับการขนส่ง การใช้ การเก็บรักษา และการกำจัด
  4. กฎหมายเกี่ยวกับการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม
    กรณีมีการขนส่งกากอุตสาหกรรมอันตรายข้ามจังหวัดหรือระยะทางไกล ควรตรวจสอบกฎหมาย/ประกาศที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัตถุอันตราย เช่น ต้องติดป้ายเตือน ข้อจำกัดความเร็ว แผนฉุกเฉิน เป็นต้น

การทราบกฎหมายข้างต้นจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามกระบวนการได้อย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการละเมิดที่อาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ

ขั้นตอนการส่งกำจัดกากอุตสาหกรรมเคมีให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ต่อไปนี้คือคำอธิบายแบบละเอียดถึงขั้นตอนและประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในการจัดการกากอุตสาหกรรมเคมีก่อนส่งไปกำจัดนอกโรงงาน

1. ระบุประเภทและลักษณะของกากอุตสาหกรรมให้ถูกต้อง

1.1 จำแนกชนิดของกาก (Classification)

  • ก่อนอื่น ผู้ประกอบการต้องทราบว่ากากของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตคืออะไร มีส่วนผสมเป็นสารเคมีชนิดใดบ้าง และมีคุณสมบัติที่เป็นอันตรายหรือไม่
  • แหล่งข้อมูลสำคัญคือเอกสารความปลอดภัยสารเคมี (SDS: Safety Data Sheet) ซึ่งจะระบุข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายทางกายภาพ เคมี และการจัดเก็บสารนั้น ๆ ตามระบบ GHS (Globally Harmonized System)
  • ตรวจสอบว่ากากอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ในบัญชีรายชื่อหรือรหัสกาก (Waste Code) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือไม่ เช่น เป็นกากอันตราย (Hazardous Waste) ที่ต้องปฏิบัติและจัดเก็บแยกจากขยะอุตสาหกรรมทั่วไป

1.2 แยกและเก็บรวบรวมอย่างถูกวิธี

  • กากอุตสาหกรรมเคมีที่มีลักษณะเดียวกันหรือมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน ควรเก็บรวบรวมในภาชนะเฉพาะ ไม่ควรผสมกากหลายประเภทเข้าด้วยกัน เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาเคมีที่เป็นอันตราย
  • ภาชนะที่ใช้เก็บกากเคมี ควรทำจากวัสดุที่ทนทาน ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีภายใน และต้องปิดผนึกแน่นหนา
  • ติดฉลากหรือป้ายระบุข้อมูลต่อภาชนะ เช่น ชื่อสารเคมี รหัสกาก สัญลักษณ์อันตราย (เช่น ไวไฟ กัดกร่อน มีพิษ) วัน-เวลาในการเริ่มเก็บรวบรวม รวมถึงชื่อผู้รับผิดชอบ เพื่อป้องกันความสับสนและเพิ่มความปลอดภัย

2. จัดเตรียมเอกสารกำกับการขนย้าย (Manifest) และเอกสารตามที่กฎหมายกำหนด

2.1 ลงทะเบียนการจัดการกากอุตสาหกรรม

  • โรงงานที่มีการเกิดกากอุตสาหกรรม (Waste Generator) จำเป็นต้องลงทะเบียนหรือรายงานข้อมูลปริมาณกากที่เกิดขึ้นต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น รายงานประจำปี หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Manifest) ตามที่ DIW ได้พัฒนาไว้
  • การลงทะเบียนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการติดตามและตรวจสอบการจัดการของเสีย เพื่อให้หน่วยงานรัฐสามารถควบคุมมาตรฐานสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.2 จัดทำ Manifest หรือ เอกสารกำกับการขนส่งกากอุตสาหกรรม

  • Manifest ถือเป็นเอกสารสำคัญที่ระบุข้อมูลเกี่ยวกับกากอุตสาหกรรม ประเภท ปริมาณ สถานที่ต้นทางและปลายทาง ชื่อผู้ขนส่ง และลายเซ็นกำกับ
  • ผู้ประกอบการจำเป็นต้องกรอกข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วน เพราะเอกสารนี้จะต้องติดอยู่กับรถขนส่งตลอดการเดินทาง หากมีการตรวจสอบระหว่างทางหรือเกิดอุบัติเหตุ เอกสารนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทราบได้ทันทีว่าสารใดบรรทุกอยู่

3. คัดเลือกผู้ขนส่งและผู้รับกำจัดที่มีใบอนุญาตถูกต้อง

3.1 ผู้ขนส่งกากอุตสาหกรรม

  • สำหรับกากอุตสาหกรรมเคมีที่จัดเป็นวัตถุอันตราย ผู้ขนส่งต้องเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย มีใบอนุญาตขนส่งวัตถุอันตรายจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแล
  • รถขนส่งต้องออกแบบเป็นพิเศษ มีระบบป้องกันการรั่วไหลและอุปกรณ์ฉุกเฉินในกรณีมีเหตุไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ หรือสารเคมีหกในระหว่างการขนส่ง
  • ต้องติดป้ายเตือนอันตราย (Hazard Sign) ตามประเภทของกากที่ขนส่ง รวมถึงมีประกันความเสียหาย (หากกฎหมายกำหนด) เพื่อคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุ

3.2 ผู้รับกำจัด (Treatment/Disposal Facility)

  • โรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรมจะต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ที่ครอบคลุมถึงการกำจัดกากอันตรายโดยเฉพาะ
  • ตรวจสอบว่ามีเทคโนโลยีหรือกระบวนการกำจัดที่เหมาะสม เช่น เตาเผาทำลาย (Incineration) การบำบัดทางเคมี (Chemical Treatment) หรือการฝังกลบอย่างปลอดภัย (Secure Landfill)
  • ผู้ประกอบการควรขอดูหลักฐานยืนยัน (Certificate) หรือตรวจดูสถานที่จริงว่ามีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมหรือไม่ เช่น ISO 14001 หรือมาตรฐานอื่น ๆ ที่บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ

4. ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านความปลอดภัยก่อนและระหว่างการขนส่ง

4.1 บรรจุภัณฑ์ (Packaging)

  • ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ต้องทนทานต่อแรงกระแทก และไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีภายใน
  • ติดฉลากอันตรายให้ชัดเจน ระบุหมวดหมู่สารเคมีหรือสัญลักษณ์ GHS (เช่น รูปเปลวไฟ รูประเบิด รูปหัวกะโหลกไขว้ ฯลฯ) เพื่อเพิ่มการรับรู้ความเสี่ยง

4.2 อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง

  • ผู้ขนส่งหรือเจ้าหน้าที่ที่ขนย้ายกากเคมี ควรสวมใส่ PPE ที่เหมาะสม เช่น ถุงมือป้องกันสารเคมี หน้ากากกรองไอระเหย แว่นตานิรภัย ชุดป้องกันสารเคมี เป็นต้น
  • ควรมีการฝึกอบรมหรือทบทวนขั้นตอนฉุกเฉิน เช่น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การควบคุมการรั่วไหล เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

4.3 เอกสารประจำรถ (Shipping Documents)

  • นอกจาก Manifest อาจมีเอกสารอื่น ๆ เช่น ใบอนุญาตการขนส่งวัตถุอันตราย แผนฉุกเฉิน เอกสารระบุคุณสมบัติสารเคมี ฯลฯ ติดอยู่กับรถเพื่อใช้เป็นหลักฐานหากมีการตรวจสอบ
  • การจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและพกติดรถไว้ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการขนส่งเป็นไปโดยราบรื่น

5. เก็บบันทึกและรายงานให้เป็นระบบ

5.1 ทำบันทึกการส่งมอบกาก

  • เมื่อมีการขนส่งกากอุตสาหกรรม เอกสาร Manifest ต้องมีลายเซ็นยืนยันจากทั้งผู้ส่ง ผู้ขนส่ง และผู้รับกำจัด เพื่อให้เกิดการตรวจสอบย้อนหลังได้
  • ควรบันทึกข้อมูลปริมาณกากและวันที่อย่างชัดเจน และจัดเก็บรักษาเอกสารอย่างน้อยตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด (เช่น 5 ปี หรือ 10 ปี)

5.2 รายงานผลการกำจัด (Disposal Certificate / Destruction Certificate)

  • เมื่อผู้รับกำจัดทำลายหรือบำบัดกากอุตสาหกรรมเสร็จสิ้น จะต้องออกใบรับรองหรือรายงานผลการกำจัด ส่งคืนให้โรงงานผู้ส่งกาก เพื่อยืนยันว่าขั้นตอนกำจัดเป็นไปอย่างถูกต้อง
  • โรงงานต้องรวมข้อมูลดังกล่าวในรายงานประจำปีหรือเอกสารการจัดการกาก เพื่อยื่นต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามระยะเวลาที่กำหนด

6. ตรวจสอบกฎหมายและระเบียบล่าสุดอยู่เสมอ

  • เนื่องจากกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการกากอุตสาหกรรมมีการปรับปรุงแก้ไขตามสถานการณ์สม่ำเสมอ ผู้ประกอบการจึงควรติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (DIW) หรือหน่วยงานรัฐอื่น ๆ
  • บางครั้งอาจมีประกาศหรือข้อกำหนดใหม่ออกมาเกี่ยวกับการจำแนกประเภทกาก การตรวจสอบสถานที่กำจัด การนำกากอุตสาหกรรมไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ (Reuse, Recycle) ซึ่งช่วยให้โรงงานสามารถปรับตัวและปฏิบัติได้อย่างถูกต้องที่สุด

ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมและแนวทางเสริม

นอกจากขั้นตอนหลักข้างต้น ยังมีแนวทางเสริมที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกากอุตสาหกรรมเคมี และลดความเสี่ยงในระยะยาว

  1. กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรอย่างชัดเจน
    • ผู้บริหารระดับสูง (Top Management) ควรกำหนดนโยบายและเป้าหมายในการลดและควบคุมกากอุตสาหกรรมในกระบวนการผลิต อาจเป็นตัวชี้วัด (KPI) ให้แต่ละฝ่ายร่วมมือในการปรับปรุงกระบวนการ
  2. บูรณาการเทคโนโลยีการบำบัดกากภายในโรงงาน
    • หากโรงงานมีขนาดใหญ่ อาจพิจารณาติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียหรือบำบัดกาก (On-Site Treatment) เบื้องต้น เพื่อลดความเป็นพิษของกากก่อนส่งออกไปกำจัดภายนอก
    • เทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น การตกตะกอนทางเคมี (Chemical Precipitation) การใช้ถังบำบัดทางกายภาพ (Physical Treatment) หรือการเผาทำลายภายใน (Incineration) หากมีใบอนุญาต
  3. พัฒนาบุคลากรด้วยการฝึกอบรมต่อเนื่อง
    • ฝ่ายสิ่งแวดล้อม (EHS Officer) และพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกาก ต้องได้รับการฝึกอบรมสม่ำเสมอ เพื่อให้ทราบขั้นตอนการปฏิบัติงาน ปรับปรุงทักษะการรับมือเหตุฉุกเฉิน
    • หากเกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตหรือสารเคมีที่ใช้ ควรมีการจัดอบรมหรือให้ข้อมูลใหม่แก่พนักงานอย่างทันท่วงที
  4. นำแนวคิด 3R มาใช้ (Reduce, Reuse, Recycle)
    • พยายามลดปริมาณของเสีย (Reduce) โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่เหมาะสมหรือปรับปรุงกระบวนการเพื่อให้ใช้สารเคมีน้อยลง
    • ใช้ซ้ำ (Reuse) หรือรีไซเคิล (Recycle) วัสดุบางประเภทที่ยังมีมูลค่ากลับมาใช้ในกระบวนการผลิตอีกครั้ง หากถูกกฎหมายและปลอดภัย
    • การลดปริมาณกากตั้งแต่ต้นทางจะช่วยประหยัดต้นทุนในการขนส่งและกำจัด และยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม
  5. สร้างระบบตรวจสอบภายใน (Internal Audit) และเฝ้าระวัง
    • ตั้งทีมตรวจสอบภายใน เพื่อประเมินความถูกต้องของขั้นตอนการคัดแยกกาก สภาพพื้นที่จัดเก็บ และเอกสารรายงาน
    • บันทึกเหตุการณ์ใกล้เคียง (Near Miss) หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อสืบหาสาเหตุและนำมาปรับปรุงมาตรการป้องกันในอนาคต

ความท้าทายในการจัดการกากอุตสาหกรรมเคมี

แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ค่อนข้างชัดเจน แต่ผู้ประกอบการมักพบความท้าทายหลายประการ ดังนี้

  1. ค่าใช้จ่ายในการกำจัดและการขนส่งที่สูง
    • กระบวนการกำจัดกากอุตสาหกรรมเคมีต้องอาศัยเทคโนโลยีสูง ทั้งในการขนส่งที่ปลอดภัยและการบำบัดที่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกิดต้นทุนสูง ซึ่งผู้ประกอบการขนาดเล็กหรือกลางอาจต้องบริหารจัดการต้นทุนอย่างระมัดระวัง
  2. ขาดความรู้เฉพาะทาง
    • การจัดการกากเคมีจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและเคมี รวมถึงความเข้าใจด้านกฎหมาย หากโรงงานขาดผู้เชี่ยวชาญ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการจำแนกกากหรือขนส่ง
  3. ความซับซ้อนด้านเอกสารและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • การจัดทำ Manifest และการรายงานผ่านระบบ E-Manifest ของ DIW อาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับบางโรงงาน ทำให้ต้องลงทุนด้านระบบ IT และการฝึกอบรมบุคลากร
  4. การควบคุมคุณภาพของผู้รับกำจัดกาก
    • แม้ผู้ประกอบการจะตรวจสอบใบอนุญาตหรือมาตรฐานของบริษัทรับกำจัดแล้วก็ตาม แต่ในบางกรณีอาจมีการละเมิดมาตรฐานเกิดขึ้น จึงต้องหมั่นตรวจสอบและประเมินผู้รับกำจัดเป็นระยะ หรือจัดทำสัญญาที่มีข้อผูกพันเรื่องความรับผิดชอบชัดเจน

บริษัท เอ็น-เทคโนโลยี คอนซัลแตนท์ จำกัด  รองรับปัญหาของกากของเสียอุตสาหกรรมและมลพิษในองค์กรด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและทีมปฏิบัติการประมวลผลที่มีกระบวนการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพและตามระเบียบทาง กฎหมายสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ 

EN-TECH  คือทางออกที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาในการจัดการอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร

"หากคุณรู้สึกว่า ขั้นตอนหรือการดำเนินการเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่คุณถนัด ลองมาใช้บริการส่งกำจัดของเสียกับเราสิ!"

หมดกังวลกับขั้นตอนเหล่านี้

หากท่านเลือกใช้บริการเอ็น-เทคฯ
- เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา ฟรี!
- เรามีทีมซัพพอร์ตยื่นขออนุญาตให้ ฟรี!
- เรามีเจ้าหน้าที่ติดตามผลการอนุมัติกับกรมโรงงานฯ หรืออุตสาหกรรมจังหวัด ฟรี!
- เรามีเจ้าหน้าที่คอยติดตาม และแจ้งเตือนก่อนที่ใบอนุญาตเดิมจะหมดอายุ ฟรี!

สนใจใช้บริการ กำจัดของเสีย
โทรเลย Hotline 24 ชม. : 086 318 8970
แอดไลน์ได้ที่ LINE : >>คลิกแอดไลน์<<

บริการฟรีๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายหายห่วงให้ลูกค้าของเรา

✅หมดกังวลกับการดำเนินการผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์
✅หมดกังวลเรื่องงานเอกสาร มอบงานยุ่งๆให้เราดูแล
✅หมดกังวลเรื่องกฏหมาย เราเชี่ยวชาญพร้อมสนับสนุน
✅หมดกังวลเรื่องเวลา ให้เราติดตามและดูแลทุกขั้นตอนการติดตามผล
Free ที่ปรึกษา แนะนำทุกขั้นตอน พร้อมให้บริการตลอด 24 Hr.
ให้เรื่องกฏหมายกากอุตสาหกรรมเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับคุณ
โทรเลย ☎ : 0863188970 (24 ชั่วโมง)
📌 สอบถามและติดต่อบริการ
📲 : LINE : @entechnology

บริษัทรับกำจัดขยะโรงงานอุตสาหกรรม รับกำจัดกากอุตสาหกรรม รับกำจัดกากของเสีย รับกำจัดกากตะกอน รับทำลายสินค้า นำมาดำเนินการตามรายละเอียดใบอนุญาตประเภท 105  (3-105-145/47สป) และ ใบอนุญาตโรงงานประเภท 106 (3-106-5/48สป) ถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่
– ใบอนุญาตประเภท 105 คือ เป็นการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (011)
– ใบอนุญาตลำดับที่ 106 คือ การนำของเสียที่มีค่าความร้อนเช่น Solvent , น้ำมันใช้แล้ว , น้ำมันปนน้ำ , เศษผ้าปนเปื้อน , ขยะปนเปื้อน , วัสดุปนเปื้อน , ถุงมือปนเปื้อน , กากสี , COOLANT , สารดูดความชื้น , วัสดุพ่นขัดผิว , กากหมึกพิมพ์ เป็นต้น มาผ่านกระบวนการ BLENDING แล้วนำไปเป็นเชื้อเพลิงผสมให้กับโรงปูน (042) และหลอดไฟเสื่อมสภาพ , แบตเตอรี่ , กระป๋องสเปรย์, ผงคาร์บอน , SLAG , ผงเจียร  นำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล (049) และภาชนะปนเปื้อน นำมาผ่านกระบวนการล้างถัง (049)

♻️En-Tech บริการปรึกษาปัญหากากอุตสาหกรรมกับเราฟรี วางภาชนะบรรจุขยะฟรี แถมเรียกใช้บริการงาน 24ชม.

  • รับกำจัดกากของเสีย อันตราย และไม่อันตราย
  • รับตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม
  • รับขนส่งกากของเสีย
  • รับ WASTE ไปทำปุ๋ย
  • รับ CLEANING บ่อบำบัด รีโนเวท และ ดูแลระบบบ่อบำบัด
  • มีโรงปุ๋ยเป็นของตนเองเอง ที่ฉะเชิงเทรา
  • มีโรงงานเองที่มีใบอนุญาตถูกต้อง 105 และ 106
  • มีรถขนส่งเองที่มี วอ.8 และ GPS ทุกคัน
  • มีเจ้าหน้าที่ในการช่วยขนย้ายของเสีย ฟรี !!!!!!!!
  • มีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมทำงานในที่อับอากาศ

เหตุผล ที่ควรใช้บริการจากเรา ให้บริการ 24 ชั่วโมง ลูกค้าเรียกใช้บริการได้ทันที , มีรถขนส่งเองทุกประเภท ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ และบริการตรงเวลา , มีโรงปุ๋ยเป็นของตัวเอง ชำนาญและรู้วิธี ในการนำ Waste มาทำปุ๋ย , มีใบอนุญาต 105 และ 106 รับของเสียมา Blending , Recycle ได้เอง , มี Reference ลูกค้าใช้บริการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม มีความเชี่ยวชาญการ กำจัดกากอุตสาหกรรม และไม่ผิดพลาด , ทำความสะอาดหน้างานหลังการขนงานเสร็จสิ้นทุกครั้ง ลูกค้าไม่ต้องจัดการเอง , ติดตั้ง GPS ที่รถทุกคัน, มีภาพถ่ายและเอกสารยืนยันการทำลาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าของเสียนำไปกำจัดแล้วจริง

Our Customer

ลูกค้าบางส่วนของเรา

รายชื่อจังหวัดที่เราให้บริการ การจัดการสารเคมีในโรงาน

สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท สระบุรี ชลบุรี ระยอง นทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว นครราชสีมา บุรีรัมย์สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ชัยภูมิ นครเจริญ ขอนแก่น อุดรธานีเลย หนองคาย มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ อุทัยธานี เพชรกำแพง ตาก สุโขทัย พิษณุโลกพิจิตร เพชรบูรณ์ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ระนอง ชุมพร สงขลาตู สลตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส