วิธีเอาตัวรอดเมื่อเผชิญหน้ากับ แอมโมเนียรั่ว

แอมโมเนียรั่ว

   แอมโมเนียรั่ว สารเคมีที่ฟังดูธรรมดา แต่ซ่อนอันตรายมากมาย ถ้าหากเราเผลอมองข้าม อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติได้ในพริบตา! แอมโมเนียเป็นสารเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมหลายประเภท ไปจนถึงการใช้เป็นตัวทำความเย็นในระบบตู้เย็นและแอร์ แต่ทว่า แอมโมเนียยังเป็นสารที่มีพิษสูง สามารถทำลายระบบทางเดินหายใจ และอวัยวะสำคัญต่างๆ ของมนุษย์ หากมีการรั่วไหลหรือมีการจัดการที่ไม่ถูกวิธี จะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ ความรู้และการตระหนักถึงภัยจากแอมโมเนียจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรมี เพื่อป้องกันและลดโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อจากสารเคมีร้ายนี้ให้ได้มากที่สุด

แอมโมเนีย คืออะไร?

   แอมโมเนียหรือที่รู้จักในทางเคมีว่า NH3 คือก๊าซที่ไม่มีสีแต่มีกลิ่นฉุนแรง ซึ่งเป็นหนึ่งในสารเคมีที่มีบทบาทสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงการเกษตร การผลิต และการแพทย์ โดยเฉพาะในการผลิตปุ๋ย ซึ่งแอมโมเนียถือเป็นส่วนประกอบหลักที่ช่วยในการสังเคราะห์ปุ๋ยไนโตรเจนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

   แม้แอมโมเนียจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็เป็นสารที่มีความอันตรายไม่น้อยหากจัดการไม่ถูกต้อง การสัมผัสโดยตรงกับแอมโมเนียอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ตา และทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการรั่วไหลของแอมโมเนียในปริมาณมาก ก็อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

   หน่วยงานด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยมักจะมีการกำหนดมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อให้การจัดการและการขนส่งแอมโมเนียเป็นไปอย่างปลอดภัย และเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการรั่วไหลหรือการสัมผัสที่ไม่ปลอดภัย การตระหนักรู้ถึงความอันตรายจากแอมโมเนียและการมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกภาคส่วนที่มีการใช้งานสารเคมีชนิดนี้

คุณสมบัติของ แอมโมเนีย

  1. ละลายในน้ำได้ดีมาก แอมโมเนียสามารถละลายในน้ำได้ดีเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อละลายในน้ำแอมโมเนียจะสร้างปฏิกิริยากับน้ำเป็นไอออนแอมโมเนียม (NH4+) และไฮดรอกไซด์ (OH-) ทำให้น้ำมีสมบัติเป็นด่าง
  2. เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ด่าง บ่อยครั้งที่แอมโมเนียใช้เป็นสารทำความสะอาดเนื่องจากสมบัติด่างของมัน สามารถช่วยล้างคราบไขมันและคราบอื่นๆ ได้ดี
  3. ใช้เป็นตัวทำความเย็น ในระบบทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ แอมโมเนียมีคุณสมบัติทางเทอร์โมไดนามิกที่เหมาะสมสำหรับการใช้เป็นสารทำความเย็น เนื่องจากมีความสามารถในการดูดซับความร้อนได้ดี
  4. เป็นส่วนสำคัญในการผลิตปุ๋ย แอมโมเนียเป็นหนึ่งในสารเคมีหลักที่ใช้ในการผลิตปุ๋ยไนโตรเจน เพราะมีไนโตรเจนซึ่งเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช
  5. มีพิษต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม แม้แอมโมเนียจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็เป็นสารที่มีพิษ การสัมผัสโดยตรงสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ตา และทางเดินหายใจ นอกจากนี้ การรั่วไหลของแอมโมเนียในปริมาณมากอาจส่งผลร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม

อันตรายของ แอมโมเนียรั่ว

   แอมโมเนียเป็นสารเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมีประโยชน์มากมายในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างไรก็ตาม มันยังมีอันตรายที่ตามมาหากไม่ได้รับการจัดการอย่างระมัดระวัง ดังนี้:

  1. การระคายเคือง แอมโมเนียสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ตา และทางเดินหายใจ เมื่อสัมผัสโดยตรง ในกรณีที่รุนแรง การสูดดมก๊าซแอมโมเนียอาจนำไปสู่อาการอักเสบหรือการเสียชีวิตได้
  2. การเผาไหม้และการระเบิด แอมโมเนียเป็นสารที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการเผาไหม้และระเบิดได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อผสมกับสารออกซิไดเซอร์หรือได้รับความร้อนมากเกินไป
  3. ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม การรั่วไหลของแอมโมเนียสามารถก่อให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมได้ รวมถึงการเป็นพิษต่อสัตว์น้ำและทำให้คุณภาพน้ำและดินเสียไป
  4. ความเสี่ยงในการขนส่ง เนื่องจากแอมโมเนียต้องขนส่งในรูปแบบของก๊าซอัดหรือของเหลวในท่อที่มีความดันสูง จึงมีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการขนส่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการรั่วไหลและการแพร่กระจายของสารพิษในบริเวณกว้างได้

   การใช้แอมโมเนียจึงควรมีการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานสารเคมีนี้

วิธีการจัดเก็บแอมโมเนีย

   การจัดเก็บแอมโมเนียในอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูงเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือการปนเปื้อน นี่คือหลักการและขั้นตอนการจัดเก็บที่ถูกต้องสำหรับแอมโมเนีย:

  1. การใช้ภาชนะที่เหมาะสม แอมโมเนียควรจัดเก็บในภาชนะที่ทนต่อการกัดกร่อนและสามารถรับแรงดันได้ เช่น ถังเหล็กหรือคอนเทนเนอร์ที่มีการออกแบบมาเพื่อจัดเก็บสารเคมี ถังเหล็กคาร์บอนถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับจัดเก็บแอมโมเนียเนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากแอมโมเนีย
  2. การใช้ระบบท่อที่เหมาะสม ท่อที่ใช้ในการขนส่งแอมโมเนียควรเป็นท่อที่ทนต่อการกัดกร่อนและสามารถทนแรงดันได้ เพื่อป้องกันการรั่วไหลและการแตกร้าว
  3. การควบคุมอุณหภูมิและความดัน แอมโมเนียควรจัดเก็บที่อุณหภูมิและความดันที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดเก็บในรูปแบบของเหลวซึ่งต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมความดันอย่างเข้มงวด
  4. ระบบระบายอากาศ การมีระบบระบายอากาศที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อป้องกันการสะสมของก๊าซแอมโมเนียในอากาศซึ่งอาจนำไปสู่สภาวะอันตรายได้
  5. การติดตั้งระบบตรวจจับและเตือนภัย การใช้ระบบตรวจจับแอมโมเนียและเตือนภัยในกรณีที่มีการรั่วไหลเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
  6. การฝึกอบรมและการเตรียมความพร้อม พนักงานที่มีส่วนร่วมในการจัดเก็บหรือจัดการแอมโมเนียควรได้รับการฝึกอบรมอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับการจัดการอุบัติเหตุ การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และมาตรฐานความปลอดภัยที่ต้องปฏิบัติตาม

การจัดเก็บแอมโมเนียที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงต่อบุคคลและสิ่งแวดล้อม

การจัดการกับของเสียที่เกิดจากการปนเปื้อนของแอมโมเนีย

1. การจัดการน้ำมันหล่อลื่นที่ปนเปื้อนแอมโมเนีย จากระบบทำความเย็นในอุตสาหกรรมต้องทำอย่างระมัดระวังและตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหาต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่ควรปฏิบัติ:

  • การตรวจสอบและการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นอย่างสม่ำเสมอ ควรเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นทุก ๆ 5,000 ชั่วโมงการทำงานของคอมเพรสเซอร์ หรือตามคำแนะนำของผู้ผลิต นี่จะช่วยลดการสะสมของแอมโมเนียที่อาจปนเปื้อนในน้ำมันหล่อลื่นได้
  • การใช้ภาชนะที่เหมาะสมในการเก็บน้ำมันหล่อลื่นที่ถูกถ่ายออก น้ำมันที่ถูกถ่ายออกควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด เพื่อป้องกันแอมโมเนียระเหยหรือรั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อม
  • การทำความสะอาดและการจัดเก็บภาชนะในที่เย็นและแห้ง หลังจากที่ถ่ายน้ำมันหล่อลื่นแล้ว ควรทำความสะอาดภาชนะที่ใช้เก็บอย่างละเอียด และเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่ควบคุมได้ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนหรือการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของน้ำมัน
  • การจัดการกับน้ำมันที่ปนเปื้อนอย่างถูกต้อง น้ำมันหล่อลื่นที่ปนเปื้อนไม่ควรถูกทิ้งลงในระบบขยะทั่วไปหรือระบบน้ำสาธารณะ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำ. แทนที่จะทำแบบนั้น ควรจัดส่งน้ำมันที่ปนเปื้อนไปยังสถานที่ที่ได้รับอนุญาตสำหรับการจัดการของเสียอันตรา
  • การบันทึกและการรายงาน ควรมีการบันทึกการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันและการจัดการกับน้ำมันที่ปนเปื้อนเป็นประจำ ข้อมูลนี้จะช่วยให้ติดตามประวัติการจัดการและตรวจสอบความถูกต้องในการปฏิบัติตามกฎหมายและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมได้

   การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้การจัดการน้ำมันหล่อลื่นที่ปนเปื้อนแอมโมเนียจากระบบทำความเย็นเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

2. การจัดการน้ำที่ปนเปื้อนแอมโมเนียในอุตสาหกรรมจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ น้ำที่ปนเปื้อนอาจมาจากกระบวนการต่างๆ เช่น การล้างหรือฉีดน้ำเพื่อควบคุมหรือลดปริมาณแอมโมเนียที่รั่วไหล วิธีการที่ควรดำเนินการในกรณีนี้ ได้แก่:

  • การทำให้เป็นกลาง (Neutralization) ใช้กรดเช่น HCl (กรดไฮโดรคลอริก) เติมเข้าไปในน้ำที่ปนเปื้อนเพื่อทำปฏิกิริยากับแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ (NH4OH) ที่เกิดขึ้น เพื่อผลิตแอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีสมบัติเป็นกลางและไม่เป็นพิษ
  • การวัดค่า pH หลังจากกระบวนการทำให้เป็นกลางแล้ว ต้องทำการวัดค่า pH ของน้ำเสียเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วงที่ปลอดภัยซึ่ง คือ ระหว่าง 5 ถึง 7.5 ซึ่งถือเป็นสภาพที่เป็นกลางและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
  • การจัดการน้ำเสียที่ได้จากกระบวนการ น้ำเสียที่ได้จากการทำให้เป็นกลางควรถูกส่งไปยังสถานที่ที่ได้รับอนุญาตให้บำบัดน้ำเสีย ไม่ควรปล่อยน้ำเสียที่ยังมีแอมโมเนียหรือมีสภาพเป็นกรดหรือด่างเกินไปลงในบ่อน้ำสาธารณะหรือสิ่งแวดล้อม
  • การปฏิบัติตามกฎหมาย ต้องปฏิบัติตามรายละเอียดในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการจัดการของเสียและวัสดุที่ไม่ใช้แล้วอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อม
  • การป้องกันและการตรวจสอบต่อเนื่อง ควรมีระบบตรวจสอบและป้องกันการรั่วไหลของแอมโมเนียในอนาคต เพื่อลดความเสี่ยงที่จะต้องจัดการกับน้ำที่ปนเปื้อนแอมโมเนียอีก

   การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยให้สามารถจัดการกับน้ำที่ปนเปื้อนแอมโมเนียได้อย่างปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ ทำให้สามารถป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้มากที่สุด

3. การจัดการวัสดุปนเปื้อนแอมโมเนียในโรงงานที่ใช้แอมโมเนียจำเป็นต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนงาน ต่อไปนี้คือขั้นตอนแนะนำสำหรับการจัดการกับวัสดุปนเปื้อนแอมโมเนีย:

  • รวบรวมวัสดุปนเปื้อน ให้รวบรวมวัสดุปนเปื้อนและใส่ในภาชนะที่ทนต่อการกัดกร่อน เพื่อป้องกันการรั่วไหลหรือการกระจายของแอมโมเนีย
  • ทำความสะอาดด้วยกรด ใช้กรดไฮโดรคลอริกหรือกรดเกลือ 5% คลุกกับวัสดุปนเปื้อน สิ่งนี้จะช่วยทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่จะลดความเป็นพิษของแอมโมเนีย หลังจากนั้นตรวจสอบค่า pH ของน้ำล้างด้วยเครื่องวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH Meter) ให้มั่นใจว่าค่า pH อยู่ในช่วงที่ปลอดภัยคือ 5 – 7.5
  • ล้างทำความสะอาด ล้างวัสดุด้วยน้ำเพื่อขจัดสารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาดออก จากนั้นทำให้แห้งสนิทก่อนนำกลับไปใช้งานต่อหรือก่อนทิ้ง

   การดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ป้องกันการปนเปื้อนและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับแอมโมเนียเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของคนงานและปกป้องสิ่งแวดล้อมจากการเสียหาย

การจัดการของเสียอันตรายตามกฎหมาย

   ในประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายและประกาศที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อรับรองว่าการจัดการของเสียนั้นปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ด้านล่างนี้คือสรุปของขั้นตอนและหลักเกณฑ์ตามประกาศต่างๆ ที่ควรปฏิบัติ:

1.ระบบเอกสารกำกับการขนส่งของเสียอันตราย (พ.ศ. 2547)

ผู้ก่อกำเนิดของเสียจะต้องมีการจัดทำและรักษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งของเสียอันตรายอย่างครบถ้วน และสามารถใช้อิเล็กทรอนิกส์ในการส่งรายงานหรือเอกสารได้

2.ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจากโรงงาน (พ.ศ. 2547)

ให้ผู้ก่อกำเนิดของเสียจัดทำและส่งรายงานรายละเอียดของของเสียอันตรายออกจากโรงงานผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์

3.การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (พ.ศ. 2548)

สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วควรถูกควบคุมและจัดเก็บอย่างถูกต้องภายในโรงงานไม่เกิน 90 วัน

หากเกินระยะเวลาดังกล่าว จะต้องดำเนินการตามกฎหมายในการขออนุญาตจัดการของเสียอันตรายตามแบบที่กำหนด

4.การขออนุญาตต่างๆ

สก.1: ขออนุญาตเก็บรักษาสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว

สก.2: การขนย้ายสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกโรงงาน

สก.3: ต้องส่งรายงานประจำปีถึงกรมโรงงานอุตสาหกรรมภายในวันที่ 1 มีนาคมของปีถัดไป

   การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และระเบียบเหล่านี้จะช่วยให้การจัดการของเสียอันตรายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้โรงงานปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง

จากที่กล่าวมา
แอมโมเนีย (NH3) เป็นก๊าซไม่มีสีที่มีกลิ่นฉุนแรง ใช้งานแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม แต่ก็เป็นสารเคมีที่มีความอันตรายสูงหากจัดการไม่ถูกวิธี การสัมผัสโดยตรงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ตา และทางเดินหายใจ แอมโมเนียยังเสี่ยงต่อการเผาไหม้และระเบิด การรั่วไหลของแอมโมเนียในปริมาณมากยังส่งผลร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์น้ำ จึงควรมีการจัดเก็บและการจัดการที่ปลอดภัยตามมาตรฐาน

บริษัท เอ็น-เทคโนโลยี คอนซัลแตนท์ จำกัด มุ่งมั่นตอบสนองต่อปัญหากากของเสียอุตสาหกรรมและมลพิษด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการรวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญและทีมปฏิบัติการขนส่งที่มีความสามารถในการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพและตามข้อกำหนดทางกฎหมาย หากสนใจสามารถ ติดต่อสอบถาม

EN-TECH คือ ทางออกที่ตอบโจทย์ทุกปัญหา ด้านการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร

ติดต่อสอบถาม

ขั้นตอนการให้บริการ กำจัดกากอุตสาหกรรมอันตราย

  1. เข้าพบลูกค้าเพื่อสอบถามรายละเอียด
  2. ดูหน้างานว่าเป็น waste ประเภทไหนบ้าง อันตรายหรือไม่อันตราย
  3. ประเมินว่าต้องใช้รถขนส่งประเภทไหน เช่น รถกระบะ4ล้อ, Roll off  Box ,  Roll off  Tank
  4. เก็บตัวอย่างเพื่อนำมาวิเคราะห์ทางกายภาพเบื้องต้น
  5. จัดทำใบเสนอราคาภายใน 2 วัน
  6. วิเคราะห์ LAB 7  วัน (ฟรี)
  7. ลูกค้าต้องเตรียมตัวอย่างเพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ประมาณ 1 กิโลกรัม/ตัวอย่าง
  8. เซลล์จะไปรับตัวอย่างเพื่อส่งวิเคราะห์กับห้องแลปที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงาน ใช้เวลา 7 วัน
  9. ส่งผลวิเคราะห์ให้กับทางลูกค้า
  10. ขออนุญาตกับกรมโรงงาน (3-5วัน)
  11. ลูกค้าที่ไม่เคยยื่นขออนุญาตในระบบกรมโรงงาน ทางเอ็นเทคฯ ดำเนินการสมัครการใช้บริการให้จนแล้วเสร็จ
  12. Support ข้อมูลการยื่นขออนุญาตให้กับลูกค้า (พร้อมผลวิเคราะห์ ถ้ามี)
  13. มีเจ้าหน้าที่คอยติดตามผลอนุญาตกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้ ใช้เวลาประเมาน 3-5 วัน
  14. แจ้งวันขนส่งล่วงหน้า 12 ชั่วโมง – รถขนส่ง บริการ 24 ชั่วโมง
  15. เซลล์เช็ครถขนส่งให้กับลูกค้า
  16. เซลล์จัดเตรียมเอกสารกำกับการขนส่งกากของเสียออกนอกบริเวณโรงงาน

"หากคุณรู้สึกว่า ขั้นตอนหรือการดำเนินการเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่คุณถนัด ลองมาใช้บริการส่งกำจัดของเสียกับเราสิ!"

หมดกังวลกับขั้นตอนเหล่านี้

หากท่านเลือกใช้บริการเอ็น-เทคฯ
- เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา ฟรี!
- เรามีทีมซัพพอร์ตยื่นขออนุญาตให้ ฟรี!
- เรามีเจ้าหน้าที่ติดตามผลการอนุมัติกับกรมโรงงานฯ หรืออุตสาหกรรมจังหวัด ฟรี!
- เรามีเจ้าหน้าที่คอยติดตาม และแจ้งเตือนก่อนที่ใบอนุญาตเดิมจะหมดอายุ ฟรี!

สนใจใช้บริการ กำจัดของเสีย
โทรเลย Hotline 24 ชม. : 086 318 8970
แอดไลน์ได้ที่ LINE : >>คลิกแอดไลน์<<

บริการฟรีๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายหายห่วงให้ลูกค้าของเรา

✅หมดกังวลกับการดำเนินการผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์
✅หมดกังวลเรื่องงานเอกสาร มอบงานยุ่งๆให้เราดูแล
✅หมดกังวลเรื่องกฏหมาย เราเชี่ยวชาญพร้อมสนับสนุน
✅หมดกังวลเรื่องเวลา ให้เราติดตามและดูแลทุกขั้นตอนการติดตามผล
Free ที่ปรึกษา แนะนำทุกขั้นตอน พร้อมให้บริการตลอด 24 Hr.
ให้เรื่องกฏหมายกากอุตสาหกรรมเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับคุณ
โทรเลย ☎ : 0863188970 (24 ชั่วโมง)
📌 สอบถามและติดต่อบริการ
📲 : LINE : @entechnology

 เงื่อนไขการให้บริการ

✅ รับกำจัดกากอุตหกรรมขั้นต่ำ 100 กิโลกรัม

✅ ให้บริการกลุ่มอุตสาหกรรม บริษัท โรงพยาบาล และราชการ เท่านั้น

✅ ให้บริการลูกค้าที่มีแผนดำเนินการภายในระยะเวลา 1 ปี

✅ ให้บริการทำความสะอาดในพื้นที่อับอากาศ บ่อน้ำเสีย,บ่อเก็บน้ำ,ถังไซโลวัตถุดิบ

❎ ไม่รับซื้อกากอุตสาหกรรม

บริษัทรับกำจัดขยะโรงงานอุตสาหกรรม รับกำจัดกากอุตสาหกรรม รับกำจัดกากของเสีย รับกำจัดกากตะกอน รับทำลายสินค้า นำมาดำเนินการตามรายละเอียดใบอนุญาตประเภท 105  (3-105-145/47สป) และ ใบอนุญาตโรงงานประเภท 106 (3-106-5/48สป) ถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่
– ใบอนุญาตประเภท 105 คือ เป็นการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (011)
– ใบอนุญาตลำดับที่ 106 คือ การนำของเสียที่มีค่าความร้อนเช่น Solvent , น้ำมันใช้แล้ว , น้ำมันปนน้ำ , เศษผ้าปนเปื้อน , ขยะปนเปื้อน , วัสดุปนเปื้อน , ถุงมือปนเปื้อน , กากสี , COOLANT , สารดูดความชื้น , วัสดุพ่นขัดผิว , กากหมึกพิมพ์ เป็นต้น มาผ่านกระบวนการ BLENDING แล้วนำไปเป็นเชื้อเพลิงผสมให้กับโรงปูน (042) และหลอดไฟเสื่อมสภาพ , แบตเตอรี่ , กระป๋องสเปรย์, ผงคาร์บอน , SLAG , ผงเจียร  นำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล (049) และภาชนะปนเปื้อน นำมาผ่านกระบวนการล้างถัง (049)

♻️En-Tech บริการปรึกษาปัญหากากอุตสาหกรรมกับเราฟรี วางภาชนะบรรจุขยะฟรี แถมเรียกใช้บริการงาน 24ชม.

  • รับกำจัดกากของเสีย อันตราย และไม่อันตราย
  • รับตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม
  • รับขนส่งกากของเสีย
  • รับ WASTE ไปทำปุ๋ย
  • รับ CLEANING บ่อบำบัด รีโนเวท และ ดูแลระบบบ่อบำบัด
  • มีโรงปุ๋ยเป็นของตนเองเอง ที่ฉะเชิงเทรา
  • มีโรงงานเองที่มีใบอนุญาตถูกต้อง 105 และ 106
  • มีรถขนส่งเองที่มี วอ.8 และ GPS ทุกคัน
  • มีเจ้าหน้าที่ในการช่วยขนย้ายของเสีย ฟรี !!!!!!!!
  • มีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมทำงานในที่อับอากาศ

เหตุผล ที่ควรใช้บริการจากเรา ให้บริการ 24 ชั่วโมง ลูกค้าเรียกใช้บริการได้ทันที , มีรถขนส่งเองทุกประเภท ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ และบริการตรงเวลา , มีโรงปุ๋ยเป็นของตัวเอง ชำนาญและรู้วิธี ในการนำ Waste มาทำปุ๋ย , มีใบอนุญาต 105 และ 106 รับของเสียมา Blending , Recycle ได้เอง , มี Reference ลูกค้าใช้บริการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม มีความเชี่ยวชาญการ กำจัดกากอุตสาหกรรม และไม่ผิดพลาด , ทำความสะอาดหน้างานหลังการขนงานเสร็จสิ้นทุกครั้ง ลูกค้าไม่ต้องจัดการเอง , ติดตั้ง GPS ที่รถทุกคัน, มีภาพถ่ายและเอกสารยืนยันการทำลาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าของเสียนำไปกำจัดแล้วจริง

Our Customer

ลูกค้าบางส่วนของเรา

รายชื่อที่จังหวัดที่เราให้บริการ กำจัดกากอุตสาหกรรม

สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท สระบุรี ชลบุรี ระยอง นทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ชัยภูมิ อำนาจเจริญ บึงกาฬ หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี เลย หนองคาย มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ระนอง ชุมพร สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส