ช่วยเปลี่ยนแปลงโลก กับการกำจัดกากอุตสาหกรรม อย่างถูกวิธี

   ในปัจจุบันประเทศไทยได้มีการพัฒนาจากประเทศเกษตรกรรมไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างดุเดือด การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมทำให้เกิดการผลิตของเสีย และกากอุตสาหกรรมจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงสารเคมีอันตรายที่ทำให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของมนุษย์ ปัญหาขยะอุตสาหกรรมนี้ยังรวมถึงการลักลอบทิ้งกากของเสียที่ผิดกฎหมายซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม และมีผลกระทบต่อชุมชนใกล้เคียงเป็นอย่างมาก

   แต่ในขณะที่โรงงานส่วนใหญ่ปฏิบัติตามข้อกำหนด และกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ละเมิดกฎหมาย ทำให้เกิดการร้องเรียน และขัดแย้งในชุมชน ประเด็นนี้ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาเทคโนโลยี และบริษัทรับกำจัดกากอุตสาหกรรม ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพมนุษย์ นอกจากนี้ ยังต้องเพิ่มความพร้อมของสถานที่กำจัดขยะที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อลดปัญหาการลักลอบทิ้งขยะของเสียอุตสาหกรรม

   บริษัท เอ็น-เทคโนโลยี คอนซัลแตนท์ จำกัด เข้าใจถึงความสำคัญของการจัดการกับปัญหากากอุตสาหกรรมอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความเชี่ยวชาญในด้านนี้ เรามุ่งมั่นที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีความยั่งยืน

กากอุตสาหกรรม คือ?

   สิ่งที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตในโรงงานที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยตรง มีทั้งส่วนที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตคน กากอุตสาหกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การรับวัตถุดิบ, การผลิต, การตรวจสอบคุณภาพ, การบำบัดมลพิษ, การซ่อมบำรุงเครื่องจักร, จนถึงการรื้อถอน หรือก่อสร้างภายในโรงงาน

ประเภทของกากอุตสาหกรรม

1. กากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย ได้แก่ วัสดุที่ยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ อาทิ เศษกระดาษ, ชานอ้อย, กล่องกระดาษ, เศษทองแดง และขี้เลื่อย โดยวิธีการคัดแยกเพื่อจำหน่ายหรือปรับปรุงคุณภาพของวัสดุเหล่านี้ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่
2. กากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย เป็นกากที่มีองค์ประกอบหรือมีสารปนเปื้อนที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เช่น เศษสายไฟฟ้า, น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้ว, เศษใยหิน, และกากตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งการจัดการกับประเภทนี้ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

   การจัดการกากอุตสาหกรรมเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โรงงานและการผลิตสามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การควบคุมและการจัดการที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสุขภาพของผู้คนและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้วัสดุเหลือทิ้งเหล่านี้กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าได้อีกด้วย

วิธีจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง ช่วยเปลี่ยนแปลงโลก

   ในยุคที่โลกต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง การจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจ และผลกำไรให้กับอุตสาหกรรมอีกด้วย! ต่อไปนี้คือกลยุทธ์การจัดการกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจรที่คุณควรรู้

1. การลดปริมาณกากอุตสาหกรรม

   การป้องกันเป็นกุญแจสำคัญ! เริ่มต้นด้วยการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการเกิดของเสียตั้งแต่ต้นทาง โดยการใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ และการแนะนำเทคโนโลยีที่สะอาดลดการใช้ทรัพยากรอย่างเหลือเชื่อ

2. การนำกลับมาใช้ใหม่

   อย่ารีบทิ้ง! หลายอุตสาหกรรมสามารถนำกากเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ได้ภายในกระบวนการผลิตเดิม นี่คือการประหยัดทรัพยากรที่ยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้.

3. การรีไซเคิล

   สร้างมูลค่าจากขยะ! กากอุตสาหกรรมหลายชนิดสามารถถูกรีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่หรือวัสดุดิบชนิดอื่น การรีไซเคิลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติแต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างรายได้จากวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว.

4. การบำบัด

   ตัดปัญหาที่ต้นเหตุ! การบำบัดกากอุตสาหกรรมก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะกากที่มีสารอันตราย การบำบัดสามารถใช้กระบวนการทางชีวภาพ, เคมี, หรือฟิสิกส์เพื่อลดความเป็นพิษและปริมาณของของเสีย

5. การกำจัดอย่างถูกต้อง

   สุดท้ายและที่สำคัญที่สุดคือการกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การฝังกลบอย่างปลอดภัยหรือการเผาไหม้ในเตาเผาที่มีอุณหภูมิสูงเป็นตัวเลือกที่นิยม เพื่อให้แน่ใจว่าสารอันตรายไม่รั่วไหลกลับเข้าสู่ระบบนิเวศ

   การใช้กลยุทธ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน แต่ยังเพิ่มความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้จากการนำทรัพยากรที่เคยถูกมองว่าเป็นขยะกลับมาใช้ใหม่ การจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

เส้นทางกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรม ช่วยเปลี่ยนแปลงโลก

   การกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นกระบวนการที่มีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าการจัดการกับของเสียจากโรงงานต่างๆ เป็นไปอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย กระบวนการนี้ประกอบด้วยสามขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:

• โรงงานผู้ก่อกำเนิดกากอุตสาหกรรม (Waste Generator – WG): เมื่อกากของเสียถูกสร้างขึ้นภายในโรงงาน, โรงงานจะต้องรับผิดชอบในการบันทึกปริมาณ, ประเภทของกาก และแผนการกำจัดหรือบำบัดกากเหล่านั้น พวกเขาจำเป็นต้องยื่นขออนุญาตกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อรับการอนุมัติในการจัดการกากตามที่กฎหมายกำหนด
• ผู้ขนส่งกากอุตสาหกรรม (Waste Transporter – WT): ในกรณีที่โรงงานไม่สามารถบำบัดหรือกำจัดกากของเสียด้วยตนเอง การขนส่งกากจากโรงงานไปยังสถานที่กำจัดหรือบำบัดจะต้องดำเนินการโดยผู้ขนส่งที่มีการขึ้นทะเบียนและได้รับการรับรองว่ามีมาตรฐานสูงพอสำหรับการจัดการกากอันตราย เพื่อป้องกันการรั่วไหลหรือการกระจายของสารอันตรายในระหว่างการขนส่ง
• โรงงานผู้รับบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรม (Waste Processor – WP): สถานที่นี้มีหน้าที่หลักในการแปรสภาพกากอุตสาหกรรมให้กลายเป็นสิ่งที่ปลอดภัยหรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น การบำบัดทางเคมี, การเผาไหม้, หรือการรีไซเคิล เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการรับซื้อกากอุตสาหกรรมที่ยังมีค่าใช้สอยได้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อีกครั้ง

   แต่ละขั้นตอนในกระบวนการนี้จำเป็นต้องปฏิบัติอย่างละเอียดและมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าการกำจัดกากอุตสาหกรรมจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

ความรับผิดชอบทางกฎหมาย

   เมื่อพูดถึงการจัดการวัตถุอันตรายในภาคอุตสาหกรรม ความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทุกฝ่ายเกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับวัตถุอันตราย เช่น การผลิต การนำเข้า การขนส่ง หรือแม้แต่การมีไว้ในครอบครอง ต่างก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากวัตถุเหล่านั้นอย่างเต็มที่

มาตราที่เกี่ยวข้องและหน้าที่ความรับผิด

1. มาตรา 63 – กำหนดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับวัตถุอันตราย ตั้งแต่ผู้ผลิตจนถึงผู้ครอบครอง ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากวัตถุเหล่านั้น ยกเว้นเมื่อสามารถพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือความผิดของผู้ที่ได้รับความเสียหายเอง
2. มาตรา 64 – หน้าที่ของผู้ขายหรือผู้ส่งมอบวัตถุอันตรายจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้รับ โดยหนีไม่พ้นหน้าที่นี้เว้นแต่สามารถแสดงได้ว่าเกิดจากเหตุที่ไม่อาจควบคุมได้หรือเกิดจากการกระทำของผู้เสียหาย
3. มาตรา 67 – กำหนดว่าสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจะหมดอายุความภายในสามปีนับจากที่ผู้เสียหายรู้ถึงความเสียหายและตัวตนของผู้ต้องรับผิด หากมีการเจรจาเกี่ยวกับค่าเสียหาย อายุความจะถูกระงับไว้จนกว่าจะชัดเจนว่าไม่สามารถตกลงกันได้
4. มาตรา 69 – ระบุถึงกรณีที่วัตถุอันตรายก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นต่อบุคคล สัตว์ พืช หรือสิ่งแวดล้อม รัฐมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่ต้องรับผิด เพื่อนำเงินไปใช้ในการซ่อมแซมหรือคืนสภาพสิ่งที่เสียหาย

   การเข้าใจถึงหน้าที่และความรับผิดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงการดำเนินการอย่างรอบคอบเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย การรับรู้และปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน.

บทลงโทษของการผ่าฝืนกฎหมายกรมโรงงาน

   ในโลกที่วัตถุอันตรายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการอุตสาหกรรม กฎหมายได้วางมาตรฐานเพื่อรับรองความปลอดภัยและปกป้องประชาชนและสิ่งแวดล้อมจากการจัดการที่อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น บทกำหนดโทษในกฎหมายวัตถุอันตรายถือเป็นกลไกสำคัญที่รักษากรอบการดำเนินงานนี้ให้เป็นไปอย่างเคร่งครัดและรอบคอบ

บทกำหนดโทษสำหรับการฝ่าฝืนกฎหมายวัตถุอันตราย

1. มาตรา 70/2 กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ละเมิดข้อกำหนดในการขนส่งวัตถุอันตรายโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยที่กำหนด โดยโทษจะเพิ่มขึ้นตามระดับความอันตรายของวัตถุที่ขนส่ง ตั้งแต่การปรับเล็กน้อยไปจนถึงโทษจำคุกยาวนานหลายปีและปรับสูงสุดถึงหนึ่งล้านบาท
2. มาตรา 72 ตั้งโทษสำหรับการฝ่าฝืนข้อกำหนดเกี่ยวกับการประกาศหรือมาตรการควบคุมที่เกี่ยวกับวัตถุอันตราย โดยมีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี เพื่อเสริมสร้างความรับผิดชอบในการสื่อสารและการจัดการข้อมูลที่ถูกต้อง
3. มาตรา 73 นำมาใช้สำหรับการละเมิดข้อกำหนดพิเศษเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่ต้องมีการจัดการอย่างระมัดระวัง โดยมีโทษจำคุกและปรับที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความรุนแรงของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
4. มาตรา 85 และ 89 กำหนดโทษสำหรับการละเมิดข้อกำหนดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการเปรียบเทียบปรับเพื่อการจัดการคดีอย่างรวดเร็วและไม่ซับซ้อน

   กระบวนการกำหนดโทษและการเปรียบเทียบค่าปรับตามกฎหมายวัตถุอันตรายเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันและควบคุมการจัดการวัตถุอันตรายอย่างเคร่งครัด โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการอย่างระมัดระวังและถูกต้องตามหลักกฎหมาย ซึ่งส่งผลต่อการรักษาความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนและคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

จากที่กล่าวมา

การพัฒนาอย่างรวดเร็วของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยได้นำมาซึ่งปัญหากากอุตสาหกรรมที่ต้องการการจัดการอย่างเข้มงวดและรอบคอบ เพื่อให้เป็นไปตามหลักสุขอนามัยและความปลอดภัย พระราชบัญญัติโรงงานและพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายมีบทบาทสำคัญในการกำหนดมาตรฐานการจัดการกากอุตสาหกรรม โดยทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนและอัปเดตกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อรับมือกับปัญหาทางสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเสริมสร้างการควบคุมตั้งแต่แหล่งกำเนิดจนถึงการบำบัดหรือกำจัดที่ปลายทาง

บริษัท เอ็น-เทคโนโลยี คอนซัลแตนท์ จำกัด มุ่งมั่นตอบสนองต่อปัญหากากของเสียอุตสาหกรรมและมลพิษด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการรวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญและทีมปฏิบัติการขนส่งที่มีความสามารถในการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพและตามข้อกำหนดทางกฎหมาย หากสนใจสามารถ ติดต่อสอบถาม

EN-TECH คือ ทางออกที่ตอบโจทย์ทุกปัญหา ด้านการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร

ขั้นตอนการให้บริการ กำจัดกากอุตสาหกรรมอันตราย

1. เข้าพบลูกค้าเพื่อสอบถามรายละเอียด
2. ดูหน้างานว่าเป็น waste ประเภทไหนบ้าง อันตรายหรือไม่อันตราย
3. ประเมินว่าต้องใช้รถขนส่งประเภทไหน เช่น รถกระบะ4ล้อ, Roll off  Box ,  Roll off  Tank
4. เก็บตัวอย่างเพื่อนำมาวิเคราะห์ทางกายภาพเบื้องต้น
5. จัดทำใบเสนอราคาภายใน 2 วัน
6. วิเคราะห์ LAB 7  วัน (ฟรี)
7. ลูกค้าต้องเตรียมตัวอย่างเพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ประมาณ 1 กิโลกรัม/ตัวอย่าง
8. เซลล์จะไปรับตัวอย่างเพื่อส่งวิเคราะห์กับห้องแลปที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงาน ใช้เวลา 7 วัน
9. ส่งผลวิเคราะห์ให้กับทางลูกค้า
10. ขออนุญาตกับกรมโรงงาน (3-5วัน)
11. ลูกค้าที่ไม่เคยยื่นขออนุญาตในระบบกรมโรงงาน ทางเอ็นเทคฯ ดำเนินการสมัครการใช้บริการให้จนแล้วเสร็จ
12. Support ข้อมูลการยื่นขออนุญาตให้กับลูกค้า (พร้อมผลวิเคราะห์ ถ้ามี)
13. มีเจ้าหน้าที่คอยติดตามผลอนุญาตกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้ ใช้เวลาประเมาน 3-5 วัน
14. แจ้งวันขนส่งล่วงหน้า 12 ชั่วโมง – รถขนส่ง บริการ 24 ชั่วโมง
15. เซลล์เช็ครถขนส่งให้กับลูกค้า
16. เซลล์จัดเตรียมเอกสารกำกับการขนส่งกากของเสียออกนอกบริเวณโรงงาน

รายชื่อที่จังหวัดที่เราให้บริการ กำจัดกากอุตสาหกรรม

สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท สระบุรี ชลบุรี ระยอง นทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ชัยภูมิ อำนาจเจริญ บึงกาฬ หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี เลย หนองคาย มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ระนอง ชุมพร สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส