เผาทำลาย กากแคดเมียม ตามข้อบังคับกฎหมาย

   กากแคดเมียม เป็นผลิตภัณฑ์หรือวัสดุที่เหลือจากกระบวนการผลิตหรือการใช้งานที่มีแคดเมียมเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งถือเป็นสารปนเปื้อนที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวังเนื่องจากแคดเมียมเป็นโลหะหนักที่มีความเป็นพิษสูงและสามารถสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ได้

   แคดเมียมมักพบในธรรมชาติร่วมกับธาตุโลหะอื่นๆ เช่น สังกะสีและตะกั่ว และสามารถถูกปลดปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิเช่น การทำเหมืองแร่, การผลิตแบตเตอรี่, การทำสี, และการกำจัดขยะอุตสาหกรรม กากแคดเมียมจึงต้องการการจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อลดการปนเปื้อน และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ

   โดยการจัดการกากแคดเมียมที่ถูกต้อง ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าการกำจัดอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ต้องใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการรักษา และกำจัดกากเหล่านี้ โดยเป้าหมายหลักคือลดการปลดปล่อยแคดเมียมกลับสู่สิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพมนุษย์และสัตว์

ความอันตราย กากแคดเมียม

   กากแคดเมียมมีความอันตรายทั้งต่อสุขภาพมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากแคดเมียมเป็นโลหะหนักที่มีความเป็นพิษสูง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสแคดเมียมรวมถึง

ต่อสุขภาพมนุษย์

1. ระบบทางเดินหายใจ การหายใจเข้าไปของฝุ่นหรือควันที่มีแคดเมียมสามารถทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจ เช่น ปอดบวม และในระยะยาวอาจนำไปสู่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) หรือมะเร็งปอด
2. ระบบกระดูกและไต การสัมผัสแคดเมียมในระยะยาวสามารถทำให้เกิดความผิดปกติของไตและอาการกระดูกอ่อน (osteomalacia) หรือกระดูกหาย (osteoporosis)
3. ระบบประสาท แคดเมียมอาจส่งผลเสียต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการเช่น ความรู้สึกเสื่อม (เช่น ชา) ในมือและเท้า
4. การเป็นพิษของไต เป็นหนึ่งในผลกระทบหลักจากการสัมผัสแคดเมียมระยะยาว ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะไตล้มเหลว

ต่อสิ่งแวดล้อม

1. การปนเปื้อนในดิน กากแคดเมียมที่ถูกทิ้งไว้ในสิ่งแวดล้อมสามารถปนเปื้อนดิน ทำให้ดินมีความเป็นพิษและเสียคุณภาพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพืชและระบบนิเวศ
2. ผลกระทบต่อน้ำ การละลายน้ำของแคดเมียมสามารถทำให้แหล่งน้ำเช่น แม่น้ำ และทะเลสาบมีความเป็นพิษ ส่งผลเสียต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศน้ำ
3. สะสมในระบบนิเวศ แคดเมียมสามารถสะสมในระบบนิเวศ เช่น ในสัตว์และพืช ซึ่งอาจนำไปสู่การสะสมต่อเนื่องในห่วงโซ่อาหารและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์ป่าและมนุษย์ที่บริโภคพวกมัน

   เนื่องจากความอันตรายดังกล่าว การจัดการกับกากแคดเมียมจึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง รวมถึงการใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อลดการสัมผัส และป้องกันการปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม

วิธีจัดการ กากแคดเมียม

   การจัดการกากแคดเมียมด้วยวิธีการเผาทำลายเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถลดความเป็นพิษและปริมาณของกากแคดเมียมก่อนการทิ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกากที่มีแคดเมียมในรูปแบบที่สามารถระเหยหรือละลายในน้ำได้ ด้วยการใช้กระบวนการนี้ สามารถลดการปลดปล่อยแคดเมียมสู่สิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์และระบบนิเวศน์ได้

1.เผากากแคดเมียม ที่อุณหภูมิสูง

วิธีการ การเผาทำลายกากแคดเมียมทำได้โดยการใช้อุณหภูมิสูงในเตาเผาพิเศษ อุณหภูมิที่จำเป็นต้องมีค่าสูงพอที่จะทำให้แคดเมียมและสารประกอบของมันเปลี่ยนสภาพเป็นก๊าซหรือถูกแยกออกจากกาก

ข้อดี ช่วยลดปริมาณวัสดุที่ต้องจัดการและลดความเป็นพิษของกาก

ข้อควรระวัง ต้องมีการควบคุมการปลดปล่อยก๊าซอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการปล่อยสารพิษสู่อากาศ

2.เปลี่ยน กากแคดเมียม ให้เป็นสารประกอบที่ไม่ละลายน้ำ

วิธีการ ผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อแปลงแคดเมียมให้เป็นรูปแบบที่ไม่สามารถละลายในน้ำได้ เช่น การใช้สารเพิ่มเติมในกระบวนการเผาทำลายเพื่อทำให้เกิดการตกตะกอนหรือการเปลี่ยนสภาพของแคดเมียม

ข้อดี ลดความเป็นไปได้ของการปนเปื้อนแคดเมียมสู่แหล่งน้ำและดิน

ข้อควรระวัง ต้องดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนข้าม

   การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ต้องทำภายใต้ข้อบังคับ และมาตรฐานที่เคร่งครัดเพื่อป้องกันการปลดปล่อยแคดเมียมและสารพิษอื่นๆ สู่สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังต้องมีการตรวจสอบ และประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงวิธีการและลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

กฎหมายที่เกี่ยว กากแคดเมียม

   การจัดการกากแคดเมียมและวัตถุอันตรายอื่นๆ ถูกควบคุมโดยกฎหมายและข้อบังคับหลายฉบับเพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้คือสรุปสำคัญของกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

1. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 กำหนดให้วัตถุอันตรายต้องได้รับการจัดการอย่างระมัดระวังตั้งแต่การผลิต, นำเข้า, จำหน่าย, ใช้งาน, จัดเก็บ, ขนส่ง จนถึงการกำจัด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
2. พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 มุ่งเน้นการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยกำหนดมาตรการควบคุมและมาตรฐานทางสิ่งแวดล้อม

ประกาศ และข้อบังคับ

1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรฐานสำหรับการคัดแยก รวบรวม เก็บรักษา ขนส่ง กำจัด และทำลายวัตถุอันตราย: กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการวัตถุอันตรายในทุกขั้นตอน
2. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ที่เกี่ยวข้องกับแคดเมียม กำหนดมาตรฐานสำหรับการจัดการและการใช้งานแคดเมียมในอุตสาหกรรม

หน่วยงานที่รับผิดชอบ

   กรมควบคุมมลพิษ และ กรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแล และกำกับดูแลการจัดการกาก และวัตถุอันตราย รวมถึงการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมาย

บทลงโทษ

   การฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากแคดเมียมอาจนำไปสู่โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับเหล่านี้ไม่เพียงช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การจัดการวัตถุอันตรายเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน

ขั้นตอนการให้บริการ กำจัดกากอุตสาหกรรม

1. เข้าพบลูกค้าเพื่อสอบถามรายละเอียด
2. ดูหน้างานว่าเป็น waste ประเภทไหนบ้าง อันตรายหรือไม่อันตราย
3. ประเมินว่าต้องใช้รถขนส่งประเภทไหน เช่น รถกระบะ4ล้อ, Roll off  Box ,  Roll off  Tank
4. เก็บตัวอย่างเพื่อนำมาวิเคราะห์ทางกายภาพเบื้องต้น
5. จัดทำใบเสนอราคาภายใน 2 วัน
6. วิเคราะห์ LAB 7  วัน (ฟรี)
7. ลูกค้าต้องเตรียมตัวอย่างเพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ประมาณ 1 กิโลกรัม/ตัวอย่าง
8. เซลล์จะไปรับตัวอย่างเพื่อส่งวิเคราะห์กับห้องแลปที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงาน ใช้เวลา 7 วัน
9. ส่งผลวิเคราะห์ให้กับทางลูกค้า
10. ขออนุญาตกับกรมโรงงาน (3-5วัน)
11. ลูกค้าที่ไม่เคยยื่นขออนุญาตในระบบกรมโรงงาน ทางเอ็นเทคฯ ดำเนินการสมัครการใช้บริการให้จนแล้วเสร็จ
12. Support ข้อมูลการยื่นขออนุญาตให้กับลูกค้า (พร้อมผลวิเคราะห์ ถ้ามี)
13. มีเจ้าหน้าที่คอยติดตามผลอนุญาตกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้ ใช้เวลาประเมาน 3-5 วัน
14. แจ้งวันขนส่งล่วงหน้า 12 ชั่วโมง – รถขนส่ง บริการ 24 ชั่วโมง
15. เซลล์เช็ครถขนส่งให้กับลูกค้า
16. เซลล์จัดเตรียมเอกสารกำกับการขนส่งกากของเสียออกนอกบริเวณโรงงาน