ภาคอุตสาหกรรม และการผลิตกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ผู้บริหารองค์กรจำนวนมากต่างมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเร่งกระบวนการผลิตให้ทันต่อความต้องการของตลาด ทว่าท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หลายคนอาจมองข้ามเรื่อง “ความปลอดภัยในการทำงาน” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของพนักงาน แต่ยังรวมถึงภาพลักษณ์องค์กร ความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ และความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกราย
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ผู้บริหารในโรงงานอุตสาหกรรมควรให้ความใส่ใจอย่างลึกซึ้ง คือ การจัดการ “สถานที่อับอากาศ” (Confined Spaces) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มักไม่ถูกออกแบบมาเพื่อการเข้าไปทำงานเป็นประจำ มีลักษณะอากาศถ่ายเทไม่เพียงพอ และอาจเกิดการสะสมของแก๊สพิษอันตรายได้ง่าย โดยเฉพาะ “แก๊สไข่เน่า” หรือ Hydrogen Sulfide (H₂S) แก๊สชนิดนี้หากปล่อยให้สะสมในระดับสูง จะสามารถคร่าชีวิตผู้ปฏิบัติงานภายในไม่กี่นาที
สถานที่อับอากาศ ความหมายและความสำคัญ
สถานที่อับอากาศ คือ พื้นที่ที่มีทางเข้าออกจำกัด อากาศถ่ายเทไม่เพียงพอ และไม่เหมาะแก่การเข้าไปทำงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แรกออกแบบ ตัวอย่างที่พบได้ทั่วไปในภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ถังเก็บของเหลวหรือสารเคมี บ่อหมักของเสีย ถังบำบัดน้ำเสีย ท่อระบายน้ำ ห้องใต้ดินที่ไม่มีช่องระบายอากาศ หรืออุปกรณ์เก็บกักวัตถุดิบในพื้นที่ปิดมิดชิด
ความอับอากาศในพื้นที่เช่นนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรง สาเหตุหลักมาจากการที่อากาศภายในไม่สามารถหมุนเวียนหรือฟอกให้ออกซิเจนเพียงพอต่อการหายใจ อีกทั้งอาจมีการสะสมของแก๊สพิษ แก๊สไวไฟ หรือสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความเครียดจากความร้อนและความชื้น การเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าวโดยปราศจากการเตรียมความพร้อม ไม่ต่างอะไรกับการส่งคนเข้าไปเผชิญภัยในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารที่มุ่งมั่นสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนควรให้ความสนใจกับนโยบาย และมาตรการเกี่ยวกับสถานที่อับอากาศอย่างจริงจัง การดูแลความปลอดภัยเชิงรุกในพื้นที่ประเภทนี้ไม่เพียงแต่ปกป้องชีวิตพนักงาน แต่ยังเป็นการปกป้องชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และผลประโยชน์ทางธุรกิจขององค์กรในระยะยาว
แก๊สไข่เน่า (H₂S)
ในบรรดาแก๊สพิษหลากหลายชนิดที่อาจสะสมในสถานที่อับอากาศ “แก๊สไข่เน่า” หรือ Hydrogen Sulfide (H₂S) นับว่าเป็นหนึ่งในแก๊สที่น่ากังวลที่สุด แก๊สชนิดนี้เกิดขึ้นจากกระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ในสภาวะแวดล้อมที่ขาดออกซิเจน เช่น บ่อบำบัดน้ำเสีย ท่อระบายน้ำ รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการหมักบ่มวัตถุดิบทางชีวภาพ
จุดเด่นของ H₂S คือกลิ่นเหมือนไข่เน่าอันเป็นเอกลักษณ์ หากความเข้มข้นอยู่ในระดับต่ำ เราอาจได้กลิ่นชัดเจน แต่ความอันตรายอยู่ตรงที่หากระดับความเข้มข้นสูงขึ้น ประสาทรับกลิ่นจะถูกทำให้ชา จนไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้อีก หมายความว่าผู้ปฏิบัติงานอาจก้าวเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่อันตรายถึงชีวิต โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ H₂S ยังมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศเล็กน้อย ทำให้มีแนวโน้มสะสมในพื้นที่ต่ำหรือซอกมุมอับ ผู้ปฏิบัติงานที่ลงไปในบ่อหรือถังลึกย่อมมีความเสี่ยงที่จะสูดดมแก๊สพิษนี้เข้าสู่ระบบหายใจโดยตรง และหากระดับความเข้มข้นเกินจุดอันตรายเพียงเล็กน้อย อาจเพียงพอให้ผู้ปฏิบัติงานหมดสติและเสียชีวิตภายในเวลาอันสั้น
การเข้าใจลักษณะของแก๊สไข่เน่าช่วยให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นความจำเป็นในการลงทุนด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดแก๊ส การฝึกอบรมบุคลากร หรือการกำหนดมาตรการป้องกันภัยในระดับเชิงรุก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หากเทียบกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
ความรุนแรงของอันตราย จากระคายเคืองสู่ชีวิตที่สูญเสีย
ผลกระทบด้านสุขภาพจาก H₂S นั้นมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงระดับร้ายแรงถึงชีวิต หากความเข้มข้นต่ำมาก ผู้ปฏิบัติงานอาจรู้สึกเพียงระคายเคืองตา จมูก หรือคอ เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน แต่อาการเหล่านี้ก็เพียงพอให้เกิดความไม่สบายตัว และลดประสิทธิภาพการทำงานแล้ว หากระดับความเข้มข้นสูงขึ้นถึงระดับ 50-100 ppm (parts per million) ผู้ปฏิบัติงานอาจหมดสติภายในไม่กี่นาที และเมื่อเกิน 100 ppm ขึ้นไป ถือเป็นระดับอันตรายร้ายแรงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาเพียงไม่นาน
ในแง่ธุรกิจ การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในสถานที่ทำงานไม่เพียงส่งผลกระทบทางกายภาพต่อบุคลากรเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายด้านภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชย การสูญเสียแรงงานที่มีทักษะและประสบการณ์ รวมถึงความเสี่ยงทางกฎหมายและการฟ้องร้องตามมา สิ่งเหล่านี้ล้วนลดทอนความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร
เหตุใดบุคคลทั่วไปจึงไม่ควรเข้าไปทำความสะอาดพื้นที่อับอากาศด้วยตนเอง
ผู้บริหารหลายท่านอาจเคยตั้งคำถามว่า “หากพื้นที่อับอากาศในโรงงานสกปรกหรือต้องการบำรุงรักษา ทำไมต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทำไมไม่ให้พนักงานทั่วไปเข้าไปทำความสะอาดง่าย ๆ” คำตอบคือ การให้บุคคลทั่วไปที่ ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ และอุปกรณ์ป้องกันตามมาตรฐานเข้าไปทำงานในสถานที่อับอากาศ คือ การเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล
บุคคลทั่วไปมักขาดทักษะในการประเมินความเสี่ยง ไม่ทราบระดับอันตรายของ H₂S หรือแก๊สพิษอื่น ๆ ไม่มีเครื่องมือในการตรวจวัดแก๊ส ไม่มีระบบระบายอากาศเสริมหรือไม่เข้าใจการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การหมดสติจากการสูดดมแก๊สพิษ พวกเขาย่อมไม่รู้วิธีหลบหนีหรือช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานอย่างปลอดภัย
ผู้บริหารควรสนับสนุนให้มีการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญ หรือการฝึกอบรมพนักงานให้ได้รับใบอนุญาตเข้าพื้นที่อับอากาศเท่านั้น เพื่อปฏิบัติงานดังกล่าวอย่างถูกต้อง การลงทุนในบุคลากรที่มีทักษะและอุปกรณ์ที่เหมาะสมย่อมดีกว่าการเสี่ยงให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่ก่อให้เกิดความสูญเสียเกินประเมินค่า
ค่ามาตรฐานความเข้มข้นของแก๊ส H₂S และเกณฑ์ความอันตราย
การพิจารณาความเสี่ยงจาก H₂S จำเป็นต้องดูที่ระดับความเข้มข้นในอากาศ (ppm)
- ต่ำกว่า 10 ppm มีกลิ่นไข่เน่าชัดเจน อาจระคายเคืองตาและทางเดินหายใจเล็กน้อย
- 10-50 ppm เพิ่มความรุนแรงของอาการระคายเคือง ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้
- 50-100 ppm เริ่มเกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจอย่างจริงจัง อาจหมดสติหากสัมผัสเป็นเวลานาน
- มากกว่า 100 ppm เป็นระดับอันตรายถึงชีวิต (IDLH) การสูดดมเพียงไม่กี่นาทีอาจทำให้เสียชีวิต
มาตรฐานสากล เช่น ACGIH TLV (Threshold Limit Value) กำหนดค่าเฉลี่ยตลอด 8 ชั่วโมง (TWA) ไว้ที่ 1 ppm และค่า STEL (Short Term Exposure Limit) 15 นาทีที่ 5 ppm ขณะที่ NIOSH กำหนด IDLH ที่ 100 ppm ซึ่งหมายความว่าที่ระดับนี้เป็นระดับที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเต็มรูปแบบ
มาตรการป้องกันในโรงงานที่มีพื้นที่อับอากาศ
การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ผู้บริหารจึงควรลงทุนเวลา และทรัพยากรในการกำหนดมาตรการป้องกันความเสี่ยงจาก H₂S และแก๊สพิษในสถานที่อับอากาศ โดยอาจพิจารณาหลักการดังต่อไปนี้
- การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
เริ่มต้นจากการสำรวจพื้นที่อับอากาศในโรงงานให้ครบถ้วน ระบุว่าพื้นที่ใดมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการสะสมของ H₂S หรือแก๊สพิษอื่น ควรกำหนดระดับความเสี่ยงและวางมาตรการควบคุมตามความรุนแรงที่คาดการณ์ไว้ - ระบบระบายอากาศ (Ventilation)
ติดตั้งระบบระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ หากเป็นไปได้ควรใช้ระบบเชิงกล เช่น พัดลมดูดอากาศหรือท่อเชื่อมต่อระบบกรองอากาศภายนอก เพื่อลดความเข้มข้นของแก๊สพิษก่อนที่ผู้ปฏิบัติงานจะเข้าไปทำงาน - อุปกรณ์ตรวจวัดแก๊ส (Gas Detector)
จัดหาและติดตั้งเครื่องตรวจวัดแก๊สแบบถาวรหรือแบบพกพา เพื่อให้แน่ใจว่าระดับแก๊ส H₂S จะถูกเฝ้าระวังตลอดเวลา หากค่าความเข้มข้นเกินมาตรฐาน เครื่องจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ปฏิบัติงานทราบและอพยพออกจากพื้นที่ทันที - ใบอนุญาตเข้าพื้นที่อับอากาศ (Confined Space Entry Permit)
การเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศควรมีระบบใบอนุญาตเข้าพื้นที่อย่างเคร่งครัด ใบอนุญาตนี้จะระบุเงื่อนไขก่อนเข้า เช่น ต้องมีการตรวจวัดแก๊ส สวมใส่ PPE ครบถ้วน มีผู้ควบคุมงานที่ได้รับมอบอำนาจอนุมัติและดูแลความปลอดภัยตลอดเวลา - อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE)
บุคลากรที่เข้าไปในพื้นที่อับอากาศควรสวมใส่เครื่องช่วยหายใจแบบอากาศอัด (SCBA) หรือชุดกรองอากาศชนิดเฉพาะ พร้อมทั้งถุงมือ ชุดป้องกันสารเคมี และรองเท้านิรภัยที่ได้มาตรฐาน ควรตรวจสอบและบำรุงรักษา PPE เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ - การฝึกอบรม (Training & Competency)
ผู้ปฏิบัติงานควรได้รับการฝึกอบรมเรื่องความเสี่ยงในพื้นที่อับอากาศ การใช้อุปกรณ์ตรวจวัดแก๊ส การสวมใส่ PPE และวิธีการปฏิบัติตนภายใต้ระบบใบอนุญาตเข้าพื้นที่ นอกจากนี้ ทีมกู้ภัยภายในองค์กรก็ควรได้รับการฝึกอบรมเช่นกัน เพื่อเตรียมพร้อมหากมีเหตุฉุกเฉิน - สัญลักษณ์เตือนและการสื่อสาร (Communication & Signage)
ติดตั้งป้ายเตือน บ่งบอกชัดเจนว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่อับอากาศและมีความเสี่ยง ควรสื่อสารข้อมูลเหล่านี้ให้พนักงานทุกคนทราบ และสร้างระบบการสื่อสารฉุกเฉิน เช่น วิทยุสื่อสาร หรือระบบแจ้งเหตุผ่านสัญญาณเสียงและไฟฉุกเฉิน - แผนกู้ภัยฉุกเฉิน (Emergency Response & Rescue Plan)
การเตรียมแผนกู้ภัยล่วงหน้าเป็นเรื่องสำคัญ ควรมีทีมกู้ภัยที่ผ่านการฝึกอบรม มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น รอกช่วยดึงผู้หมดสติออกจากพื้นที่ ชุดสายรัด และเครื่องช่วยหายใจเสริม เพื่อให้การกู้ภัยเป็นไปอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
เมื่อมาตรการป้องกันเหล่านี้ถูกนำไปปฏิบัติอย่างเป็นระบบ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ปกป้องชีวิตและสุขภาพของพนักงาน ลดการสูญเสียทางธุรกิจ และรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กรไว้ได้ในระยะยาว
การติดตามผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมสมัยใหม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนมากขึ้น การรักษาความปลอดภัยในสถานที่อับอากาศจึงไม่ควรหยุดนิ่ง ผู้บริหารควรกำหนดระบบติดตามผลการดำเนินงาน เช่น การเก็บข้อมูลอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ รายงานความใกล้เคียงกับอุบัติเหตุ (Near Misses) และนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงมาตรการป้องกันให้ดียิ่งขึ้น
เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น IoT (Internet of Things) หรือ Sensor อัจฉริยะ สามารถนำมาใช้ในการตรวจสอบสภาพอากาศภายในพื้นที่อับอากาศแบบเรียลไทม์ ผู้บริหารควรเปิดรับนวัตกรรมเหล่านี้ เพื่อลดภาระการตรวจสอบด้วยแรงงานคน และสร้างระบบเตือนภัยอัตโนมัติที่แม่นยำยิ่งขึ้น การปรับปรุงมาตรการอย่างต่อเนื่องคือหัวใจของการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
จากที่กล่าวมา
การผลิตที่หมุนเร็วและแข็งขันเช่นปัจจุบัน ผู้บริหารองค์กรไม่ควรละเลยความสำคัญของการจัดการด้านความปลอดภัยในสถานที่อับอากาศ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากแก๊สไข่เน่า (H₂S) ความเข้าใจลึกซึ้งต่อธรรมชาติและอันตรายของ H₂S การประเมินความเสี่ยง การวางมาตรการป้องกัน รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัย ล้วนเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยปกป้องชีวิตพนักงาน สร้างความเชื่อมั่นในสายตาของพันธมิตรทางธุรกิจ และเพิ่มความน่าเชื่อถือขององค์กรในระดับสากล
การลงทุนในอุปกรณ์ตรวจวัดแก๊ส ระบบระบายอากาศ การฝึกอบรมบุคลากร และการออกนโยบายอย่างเข้มงวดในการเข้าพื้นที่อับอากาศ อาจดูเป็นต้นทุนระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วจะกลายเป็นพลังที่ช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืน
บริษัท เอ็น-เทคโนโลยี คอนซัลแตนท์ จำกัด รองรับปัญหาของกากของเสียอุตสาหกรรมและมลพิษในองค์กรด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและทีมปฏิบัติการประมวลผลที่มีกระบวนการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพและตามระเบียบทาง กฎหมายสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้
EN-TECH คือทางออกที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาในการจัดการอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร
"หากคุณรู้สึกว่า ขั้นตอนหรือการดำเนินการเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่คุณถนัด ลองมาใช้บริการส่งกำจัดของเสียกับเราสิ!"
หมดกังวลกับขั้นตอนเหล่านี้
หากท่านเลือกใช้บริการเอ็น-เทคฯ
- เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา ฟรี!
- เรามีทีมซัพพอร์ตยื่นขออนุญาตให้ ฟรี!
- เรามีเจ้าหน้าที่ติดตามผลการอนุมัติกับกรมโรงงานฯ หรืออุตสาหกรรมจังหวัด ฟรี!
- เรามีเจ้าหน้าที่คอยติดตาม และแจ้งเตือนก่อนที่ใบอนุญาตเดิมจะหมดอายุ ฟรี!
สนใจใช้บริการ กำจัดของเสีย
โทรเลย Hotline 24 ชม. : 086 318 8970
แอดไลน์ได้ที่ LINE : >>คลิกแอดไลน์<<
บริการฟรีๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายหายห่วงให้ลูกค้าของเรา
สนใจติดต่อสอบถามบริการ
Contact us
ติดต่อฝ่ายขาย
(Hot Line 24Hr.) 086-3188970
LINE OFFICIAL
(จันทร์ - ศุกร์ เวลา 8:00 - 17:00 น.)
E-Mail: [email protected]
เงื่อนไขการให้บริการ
✅ รับกำจัดกากอุตหกรรมขั้นต่ำ 100 กิโลกรัม
✅ ให้บริการกลุ่มอุตสาหกรรม บริษัท โรงพยาบาล และราชการ เท่านั้น
✅ ให้บริการลูกค้าที่มีแผนดำเนินการภายในระยะเวลา 1 ปี
✅ ให้บริการทำความสะอาดในพื้นที่อับอากาศ บ่อน้ำเสีย,บ่อเก็บน้ำ,ถังไซโลวัตถุดิบ
❎ ไม่รับซื้อกากอุตสาหกรรม
บริษัทรับกำจัดขยะโรงงานอุตสาหกรรม รับกำจัดกากอุตสาหกรรม รับกำจัดกากของเสีย รับกำจัดกากตะกอน รับทำลายสินค้า นำมาดำเนินการตามรายละเอียดใบอนุญาตประเภท 105 (3-105-145/47สป) และ ใบอนุญาตโรงงานประเภท 106 (3-106-5/48สป) ถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่
– ใบอนุญาตประเภท 105 คือ เป็นการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (011)
– ใบอนุญาตลำดับที่ 106 คือ การนำของเสียที่มีค่าความร้อนเช่น Solvent , น้ำมันใช้แล้ว , น้ำมันปนน้ำ , เศษผ้าปนเปื้อน , ขยะปนเปื้อน , วัสดุปนเปื้อน , ถุงมือปนเปื้อน , กากสี , COOLANT , สารดูดความชื้น , วัสดุพ่นขัดผิว , กากหมึกพิมพ์ เป็นต้น มาผ่านกระบวนการ BLENDING แล้วนำไปเป็นเชื้อเพลิงผสมให้กับโรงปูน (042) และหลอดไฟเสื่อมสภาพ , แบตเตอรี่ , กระป๋องสเปรย์, ผงคาร์บอน , SLAG , ผงเจียร นำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล (049) และภาชนะปนเปื้อน นำมาผ่านกระบวนการล้างถัง (049)
♻️En-Tech บริการปรึกษาปัญหากากอุตสาหกรรมกับเราฟรี วางภาชนะบรรจุขยะฟรี แถมเรียกใช้บริการงาน 24ชม.
- รับกำจัดกากของเสีย อันตราย และไม่อันตราย
- รับตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม
- รับขนส่งกากของเสีย
- รับ WASTE ไปทำปุ๋ย
- รับ CLEANING บ่อบำบัด รีโนเวท และ ดูแลระบบบ่อบำบัด
- มีโรงปุ๋ยเป็นของตนเองเอง ที่ฉะเชิงเทรา
- มีโรงงานเองที่มีใบอนุญาตถูกต้อง 105 และ 106
- มีรถขนส่งเองที่มี วอ.8 และ GPS ทุกคัน
- มีเจ้าหน้าที่ในการช่วยขนย้ายของเสีย ฟรี !!!!!!!!
- มีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมทำงานในที่อับอากาศ
เหตุผล ที่ควรใช้บริการจากเรา ให้บริการ 24 ชั่วโมง ลูกค้าเรียกใช้บริการได้ทันที , มีรถขนส่งเองทุกประเภท ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ และบริการตรงเวลา , มีโรงปุ๋ยเป็นของตัวเอง ชำนาญและรู้วิธี ในการนำ Waste มาทำปุ๋ย , มีใบอนุญาต 105 และ 106 รับของเสียมา Blending , Recycle ได้เอง , มี Reference ลูกค้าใช้บริการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม มีความเชี่ยวชาญการ กำจัดกากอุตสาหกรรม และไม่ผิดพลาด , ทำความสะอาดหน้างานหลังการขนงานเสร็จสิ้นทุกครั้ง ลูกค้าไม่ต้องจัดการเอง , ติดตั้ง GPS ที่รถทุกคัน, มีภาพถ่ายและเอกสารยืนยันการทำลาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าของเสียนำไปกำจัดแล้วจริง
รายชื่อจังหวัดที่เราให้บริการ ทำความสะอาดในสถานที่อับอากาศ
สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท สระบุรี ชลบุรี ระยอง นทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว นครราชสีมา บุรีรัมย์สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ชัยภูมิ นครเจริญ ขอนแก่น อุดรธานีเลย หนองคาย มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ อุทัยธานี เพชรกำแพง ตาก สุโขทัย พิษณุโลกพิจิตร เพชรบูรณ์ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ระนอง ชุมพร สงขลาตู สลตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส